ชีวิตในวงการบันเทิง ของ พัก_ฮย็อง-ชิก

2009: ก่อนเดบิวต์

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ 2009 ฮย็องชิกได้เล่นมิวสิควิดีโอเพลง "Date" ให้ซับยูนิตของวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง จิวเวลรี เอส (Jewelry S) และในปีเดียวกันเขาเป็นนายแบบให้แบรนด์ชุดนักเรียนยี่ห้อหนึ่ง และยังเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้ทางช่อง Mnet คือ ZE:A's Debut Diary ร่วมกับสมาชิก ZE:A คนอื่น ๆ[7][8]

2010: ZE:A เดบิวต์

ดูบทความหลักที่: ZE:A

ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 2010 ฮย็องชิกได้เดบิวต์เป็น 1 ใน 9 สมาชิกของวง ZE:A[9] โดยรับหน้าที่เป็นนักร้องเสียงหลักของวง (Main Vocal) เขาเป็นสมาชิกที่จัดอยู่ในกลุ่มน้องเล็ก(มักเน่) เนื่องจากเขามีอายุน้อยเกือบจะที่สุดของวง โดยอายุมากกว่าน้องเล็กสุดของวง คิม ดง-จุน (Kim Dong-Jun) เพียง 3 เดือน[10]

2011: ละครเวที (Musical) เรื่องแรก

ในปี 2011 นี้ ฮย็องชิกเริ่มได้รับโอกาสให้ทำกิจกรรมเดี่ยวนอกเหนือจากงานร่วมกับวงมากขึ้น เขาได้รับคัดเลือกให้เล่นบท "บัน แฮ-วอน" (Ban Hae-won) 1 ใน 3 ตัวละครเอกในละครเวทีเรื่อง "Temptation of Wolves" ร่วมกับ คิม รยอ-อุก วง ซูเปอร์จูเนียร์[11] (Ryeowook SJ) นั่นทำให้เขาเริ่มมีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในวงการอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะกับ รยออุก ซึ่งให้ความเอ็นดูฮย็องชิกมาก[12] เคยชวนเขาไปเที่ยวเล่นและค้างคืนถึงหอพักของ ซูเปอร์จูเนียร์[13] และเคยพูดถึงฮย็องชิกออกรายการและสื่อโซเชี่ยลหลายครั้ง[14] ซึ่งฮย็องชิกเคยพูดถึงรยออุคว่า รยออุคเป็นเหมือนเทวดามาโปรด ตอนนั้นเขามีปัญหากับการปรับตัวให้เข้ากับวงการบันเทิง แต่พี่รยออุคได้ช่วยแนะนำในหลาย ๆ เรื่อง[15][16]

2012: เริ่มต้นงานแสดง

ในปีนี้ฮย็องชิกเริ่มได้รับบทที่ดีขึ้น แม้จะยังไม่ใช่บทเด่นนักแต่ก็ดีกว่าบทรับเชิญที่เขาเคยได้ในช่วงปี 2010 เขาร่วมแสดงในละครของช่อง SBS เรื่อง I Remember You.[17] และในปีเดียวกันเขาได้รับบทน้องชายนางเอก ซึ่งเป็นนักร้องนำวงอินดี้ "โอ ซู-ฮยอน" ในละครเรื่อง Dummy Mommy ทางช่อง SBS[18] เขาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการเข้าร่วมรายการโรแมนติกไอดอล (The Romantic & Idol) ซึ่งเขาออกรายการร่วมกับไอดอลหลายคน และเกิดกระแสคู่จิ้นระหว่างฮย็องชิก กับ จี-ฮย็อน หัวหน้าวงโฟร์มินิต (Ji-hyun 4Minute) ช่วงระหว่างรายการออกอากาศด้วย[19]

2013: ปีแห่งสปอตไลท์ : Real Men เปลี่ยนชีวิต

เริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี ในเดือนมกราคม ละครดราม่าเรื่อง Sirius ได้เริ่มฉายทางช่อง KBS2 ในเรื่องนี้ฮย็องชิกได้รับบทที่ยากขึ้นมาก เขาเล่นบทฝาแฝด ซึ่งก็คือตัวละครเอกของเรื่อง "โด อึน-ชาง" (Do Eun-Chang) และ "โด ชิน-อู" (Do Shin-woo) ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเขาได้รับเสียงชื่นชมมากมายจากการเล่นเป็นตัวละคร 2 ตัว ที่มีนิสัยแตกต่างกัน ให้เห็นถึงความต่างของตัวละครได้อย่างชัดเจน และเล่นบทดราม่ากดดันได้ดี[20][21][22]

ในเดือนมีนาคม 2013 ฮย็องชิกเป็น 1 ใน 5 สมาชิกของ ZE:A ที่ได้ออกอัลบั้มยูนิตย่อย ZE:A Five ร่วมกับ ชีวาน (Siwan), เควิน (Kevin), มินวู (Minwoo) และ ดงจุน (Dongjun)[23]

จากการผลงานการแสดงในเรื่อง Sirius ทำให้เขาได้รับบทเด่นในละครช่อง tvN เรื่อง "ลิขิตรักข้ามเวลา" (Nine: Nine Time Travels) โดยเล่นเป็นพระเอกช่วงวัยรุ่น "พัค ซอน-อู" (Park Sun-woo) ซึ่งแสดงโดย ลี จิน-อุค (Lee Jin-wook) เนื่องจากเป็นละครที่ตัวเอกข้ามเวลาได้ เขาจึงมีบทบาทสำคัญตลอดเรื่อง ผู้กำกับเรื่องนี้ได้ให้เหตุผลที่เลือกฮย็องชิกมาแสดงบทนี้ว่า เขาได้ดูละครเรื่อง Sirius และประทับใจการแสดงออกทางแววตาของฮย็องชิกในบทฝาแฝด 2 คน ทำให้เขามั่นใจว่าฮย็องชิกจะทำได้ดีในบทนี้ และ "คิม ยอง-คยู" (Kim Young-Kyu) ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ในเรื่องนี้ก็ออกมาชื่นชมฮย็องชิกเช่นกันว่า "เขาเป็นนักแสดงที่มีพัฒนาการในทุก ๆ วัน ถึงแม้เขาจะเป็นไอดอล แต่เขามีศักยภาพที่จะเติบโตเป็นนักแสดงได้ เขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน" [24][25]

และผลงานที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ เป็นผลงานเปลี่ยนชีวิตของฮย็องชิกอย่างแท้จริง แจ้งเกิดฮย็องชิกให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว คือ รายการเรียลลิตี้ฝึกทหารเรตติ้งสูง "เรียลเมน" (Real Men) ทางช่อง MBC ฮย็องชิกได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมรายการแทน "มีร์" (Mir) เอ็มแบล็ก ซึ่งถอนตัวออกจากรายการไป โดยฮย็องชิกเข้าร่วมรายการพร้อมกับ "จางฮยอก" (Jang Hyuk) ดาราชือดัง ในตอนที่ 9 ของซีซั่นแรก ฮย็องชิกเข้าร่วมรายการด้วยภาพลักษณ์ไร้เดียงสาแต่มุ่งมั่น เพียงแค่ตอนที่ 9 นี้ออกอากาศ เขาก็ได้รับความสนใจมาก ชื่อของเขาขึ้นอันดับ 1 ในเว็บค้นหาต่าง ๆ (search engine) ในทันที ทำให้รายการได้รับความสนใจมาก เรตติ้งจากระดับ 6-7% ในตอนก่อน ๆ พุ่งขึ้นไปถึงระดับ 14-15% ภายในเวลาไม่ถึงเดือนหลังจากเขาเข้าร่วมรายการ ฮย็องชิกได้รับความเอ็นดูอย่างท่วมท้นจากแฟนๆรายการจนได้รับฉายา "ทหารน้อย" (Baby Soldier) [26][27] เขาได้รับความสนใจในวงกว้างจนถึงขนาดได้เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้ารายการใหญ่ ๆ หลายรายการ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดัง ชินรามยอน (Shin Ramyun), ขนมเปเปโร่ (PEPERO), เสื้อผ้าและอุปกรณ์ Outdoor มาร์มอต (Marmot) etc.[28][29]

หลังจากเขามีชื่อเสียงในวงกว้างแล้ว ทำให้งานในวงการทั้งของเขาและของวง ZE:A เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ตารางงานเขาแน่นมากจนแทบไม่ได้นอน ฮวัง ควัง-ฮี (Kwang-hee) หนึ่งในสมาชิกเด่นของวง ZE:A เคยบอกว่า ฮย็องชิกทำให้ค่าตัวของวงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า[30] และบทบาทของฮย็องชิกในวงก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาได้เต้นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ในท่อนฮุคเพลงโปรโมตอัลบั้มใหม่ "The Ghost of Wind" จากเดิมที่มักจะได้เต้นอยู่ด้านหลังเพราะตัวสูงที่สุด และได้รับหน้าที่ในการให้สัมภาษณ์ในรายการต่าง ๆ มากขึ้น[31]

ฮย็องชิกได้รับคัดเลือกให้เล่นบทพระเอก "ไคลด์" (Clyde) ในละครเวทีสุดคลาสสิคเรื่อง "บอนนีและไคลด์" (Bonnie & Clyde) ร่วมกับ คีย์ วง ชายนี (Key SHINee)[32] ซึ่งทำการแสดงในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม

โอกาสทางด้านการแสดงของเขาเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น เขาร่วมแสดงในละครฮิตของช่อง SBS เรื่อง หยุดหัวใจ นายไฮโซ (The Heirs) ในบท "โจ มยอง-ซู" (Jo Myung-Soo) แต่เนื่องจากตารางงานของเขาแน่นมาก ทำให้กองละครจำเป็นต้องปรับลดบทบางช่วงของเขาลงอย่างน่าเสียดาย ซึ่ง คิม อู-บิน (Kim Woo-bin) เล่าถึงเรื่องนี้ในงานรางวัลประจำปีของช่อง SBS[33]

ฮย็องชิกคว้ารางวัลแรกในชีวิตหลังจากเข้าวงการบันเทิงได้ในปีนี้เอง นั่นคือรางวัล MBC Entertainment Awards 2013 สาขา ดาวรุ่งชายยอดเยี่ยมในรายการวาไรตี้ (Best Male Newcomer in a Variety Show) จากผลงานในรายการ เรียลเมน (Real Men)[34]

2014: ดาวรุ่งแห่งวงการละคร

ช่วงเดือนมกราคม มีข่าวลือว่าฮย็องชิกจะถอนตัวออกจากรายการเรียลเมน (Real Men) เนื่องจากตารางงานที่แน่นจนเกินไปของเขา โดยข่าวว่าเขาจะออกจากรายการพร้อมกับ จางฮยอก, รยู ซู-ยอง (Ryu Soo-young) และ ซน จิน-ยอง (Son Jin-young) ซึ่งทั้ง 3 คนถอนตัวออกจากรายการไปในตอนที่ 44 แต่ฮย็องชิกก็ออกมายืนยันว่าจะยังอยู่ร่วมกับรายการต่ออย่างแน่นอน[35] แต่เขาได้รับบาดเจ็บที่หลังในขณะถ่ายทำรายการตอนที่ 51 ซึ่งออกอากาศวันที่ 30 มีนาคม 2014 ทำให้จำเป็นต้องหยุดพักการถ่ายทำรายการไปช่วงระยะสั้น ๆ และกลับมาในตอนที่ 54[36][37]

ต้นปี 2014 นี้ ฮย็องชิกมีผลงานละครเวทีเรื่อง "สามทหารเสือ" (The Three Musketeers) โดยเขารับบทพระเอก "ดาตาญัง" (d'Artagnan) ร่วมกับ ซ็องมิน ซูเปอร์จูเนียร์ (Sungmin SJ), คีย์ ชายนี (Key SHINee), จุน. เค ทูพีเอ็ม (Jun K. 2PM), ซึงย็อน เอฟทีไอส์แลนด์ (Suenghyun FT Island) ซึ่งเริ่มแสดงมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2013 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2014[38] โดยฮย็องชิกได้เข้าร่วมในรอบการแสดงที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนมีนาคมด้วย[39]

และในเดือนเมษายนปีนี้ ฮย็องชิกได้กลับมารับบท "ไคลด์" (Clyde) อีกครั้ง ในการรีสเตทละครเวทีเรื่อง "บอนนีและไคลด์" (Bonnie & Clyde) โดยคราวนี้เขาได้เล่นคู่กับรุ่นพี่ที่อายุห่างกันถึง 11 ปี กาฮี จากวง อาฟเตอร์สกูล (Kahi Afterschool) โดยมีรอบการแสดงยาวไปถึงเดือนมิถุนายน[40][41]

ฮย็องชิกยังคงทำกิจกรรมร่วมกับวง ZE:A อย่างต่อเนื่อง ช่วงเดือนมิถุนายน ZE:A ออกอัลบั้มใหม่ โปรโมตเพลง "Breath" และ "St:Dagger" โดยอัลบั้มใหม่นี้ฮย็องชิกได้มีส่วนร่วมกับการแต่งทำนองเพลง "One" ร่วมกับ e.one ด้วย

ฮย็องชิก ได้รับการเสนอบทตัวละครหลักในละครครอบครัว 53 ตอนจบ ทางช่อง KBS2 เรื่อง "ครอบครัวจอมวุ่น บ้านอุ่นไอรัก" (What Happens to My Family) ในบทน้องชายคนเล็กผู้ไม่เอาถ่านของครอบครัว "ชา ดัล-บง" (Cha Dal-Bong) ทำให้เขาจำเป็นต้องถอนตัวออกจากรายการ "เรียลเมน" (Real Men) ในเดือนกรกฎาคม เพื่อให้ตารางงานของเขาสามารถรองรับงานละครยาวได้ และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก เรตติ้งถล่มทลายขึ้นไปสูงที่สุดถึง 44.4% ทำเรตติ้งสูงที่สุดของละครทุกช่องในปีนั้น ฮย็องชิกได้รับเสียงชื่นชมมากมาย ในความน่ารักน่าเอ็นดูสมบทบาท และได้รับการยอมรับในฝีมือการแสดงมากขึ้น[42][43]

จากฝีมือการแสดง และความสำเร็จของละคร "ครอบครัวจอมวุ่น บ้านอุ่นไอรัก" (What Happens to My Family) ทำให้ฮย็องชิกคว้ารางวัลได้ถึง 2 รางวัลจากงานประกาศรางวัลประจำปีของช่อง คือ KBS Drama Awards 2014 สาขา ดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม (Best New Actor) และสาขา คู่แสดงยอดเยี่ยม (Best Couple Award) ร่วมกับ นัม จี-ฮยอน (Nam Ji-hyun) ซึ่งแสดงคู่กันในละครเรื่องนี้ [44][45]

ฮย็องชิกกลับไปปรากฏตัวในรายการเรียลเมนอีกครั้งในตอนพิเศษ End of the year : Special Vacation ซึ่งออกอากาศช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งรวบรวมทหารที่เคยออกรายการในตอนต่าง ๆ มารวมตัวกันเป็นพิเศษ ตามความต้องการของ คิม ซู-โร (Kim Soo-ro), ซอ คยอง-ซอก (Seo Kyung Seok) และ แซม แฮมมิงตัน (Sam Hammington) สมาชิกหลักของรายการ ซึ่งกำลังจะครบกำหนดการฝึกและจะออกจากรายการในเดือนมกราคม 2015[46]

2015: เปลี่ยนภาพลักษณ์

ช่วงต้นปี 2015 ฮย็องชิกยังคงถ่ายทำละครเรื่อง "ครอบครัวจอมวุ่น บ้านอุ่นไอรัก" (What Happens to My Family) โดยละครเรื่องนี้ยังคงออกอากาศและทำเรตติ้งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนจบในเดือนกุมภาพันธ์

หลังจากปิดกล้องละครแล้ว เขาก็ตอบรับเข้าร่วมรายการวาไรตี้ "Law of the Jungle" ตอน อินโดจีน (Indochina)[47] ตอนที่ 158 - 162 โดยถ่ายทำในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม และออกอากาศในช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม

ฮย็องชิกได้รับโอกาสในการแสดงบทที่โตขึ้นในละครเรื่อง "สังคมไฮโซ" (High Society) ซึ่งเป็นละครที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขาได้อย่างเฉียบขาด จากเดิมที่เขามักจะได้รับบทแนววัยรุ่น หรือหนุ่มน้อยสดใส แต่เรื่องนี้เขาได้รับบทเป็นหนุ่มสังคมจัด หล่อ รวย เจ้าชู้ ผู้อำนวยการของซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่ตกหลุมรักพนักงานพาร์ทไทม์ในบริษัทตัวเอง[48][49]

ฮย็องชิกได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากบทบาท "ยู ชาง-ซู" (Yoo Chang-Soo) ในเรื่องนี้ ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ที่โตขึ้นอย่างชัดเจน ลบภาพเด็กวัยรุ่นจากเรื่องก่อน ๆ ได้หมดจด และฝีมือการแสดงที่ก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด เขาโดดเด่นมากในละครแม้จะเป็นเพียงคู่รองก็ตาม และทำให้เขามีได้โอกาสร้องเพลงประกอบละครเดี่ยวเป็นครั้งแรก คือ เพลง You're My Love [50]

ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น นั่นทำให้ความนิยมของเขาในญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น จากที่มีอยู่แล้วเนื่องจากละคร "ครอบครัวจอมวุ่น บ้านอุ่นไอรัก" (What Happens to My Family) ดังในญี่ปุ่น และวง ZE:A มีฐานแฟนคลับอยู่ที่ญี่ปุ่นพอสมควร จนกระทั่งสามารถจัดงานแฟนมีตติ้งเดี่ยว (Solo Fan meeting) ของตนเองที่ญี่ปุ่นได้[51][52][53][54]

ความโดดเด่นด้านการแสดงของเขาในละคร High Society ทำให้เขาคว้ารางวัลประจำปีของช่องไปครอง คือ SBS Drama Awards 2015 สาขา รางวัลนักแสดงชายดีเด่น (Excellence Award, Actor in a Miniseries) โดยเอาชนะ ซองจุน (Sung Joon) พระเอกของเรื่องซึ่งเข้าชิงสาขาเดียวกันไปได้

2016: ละครพีเรียดเรื่องแรก (ซากึก)

ช่วงปลายปี 2015 ฮย็องชิกได้รับการเสนอบท 1 ใน 3 ตัวละครเอก ในละครเรื่อง "ฮวารัง อัศวินพิทักษ์ชิลลา" (Hwarang: The Poet Warrior Youth)[55] เขารับบทตัวละครซึ่งมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์คือ "ซัม เมก-จง" (Sam Maek-Jong) หรือ "พระเจ้าจินฮึง" กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรชิลลา โดยละครเรื่องนี้เป็นละครฟอร์มยักษ์ นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังอย่าง พัก ซอ-จุน (Park Seo-jun), โค อา-รา (Go A-ra) และ ฮย็องชิก ร่วมกับนักแสดงอีกหลายคนซึ่งต่างได้รับความสนใจ เช่น ชเว มิน-โฮ วง ชายนี (Minho SHINee) และ วี วง บีทีเอส (V BTS) ฯ ลฯ ทำให้ละครเป็นที่จับตามองอย่างมากทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายทำ

ละครเรื่องนี้เป็นละครที่ถ่ายทำเสร็จทั้งหมดก่อนเริ่มฉาย (Pre-Production) และเนื่องจากเป็นละครพีเรียดที่มีฉากต่อสู้หลายฉาก นักแสดงจึงต้องเข้าเรียนขี่ม้า ยิงธนู และฟันดาบเพิ่มเติม ฮย็องชิกซึ่งมีพื้นฐานการขี่ม้ามาก่อนแล้ว เนื่องจากเคยเรียนในช่วงสั้นๆ สมัยเด็ก และเป็นมือธนูในการแข่งขันกีฬาสีไอดอล [56] ทั้งยังมีทักษะการฟันดาบจากการเล่นกอมโด (Kumdo) สามารถทำได้ดี ทำให้เขาได้เล่นฉากโชว์การต่อสู้เดี่ยวๆ ในละครหลายฉาก และเล่นฉากต่อสู้เองหลายฉากโดยไม่ใช้ตัวแสดงแทน[57][58]

ฮย็องชิกได้มีโอกาสร้องเพลงประกอบละครอีกครั้งในละครเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครในตอนที่ 7 ชื่อเพลง I'll be Here.[59]

ฮวารังเป็นละครที่ใช้เวลาในการถ่ายทำนานโดยเริ่มถ่ายทำตั้งแต่เดือนมีนาคมจนเสร็จสิ้นในเดือนกันยายน และมีการพบปะกันของนักแสดงในช่วงเรียนการต่อสู้เพิ่มเติมในช่วงแรก ทำให้นักแสดงมีความสนิทสนมกันมาก โดยเฉพาะฮย็องชิก และพัคซอจุน ซึ่งยังคงติดต่อและนัดพบกับอยู่เสมอแม้การถ่ายทำจะเสร็จสิ้นไปนานแล้ว[60]

ฮวารังเลื่อนการถ่ายทำจากเดิมที่ควรจะเริ่มตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2015 เป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม ทำให้คิวงานของฮย็องชิกมีช่องว่างเขาจึงถือโอกาสพักผ่อนหลังจบละคร High Society โดยเดินทางมาพักผ่อนที่ประเทศไทยพร้อมกับ ชีวาน เพื่อนร่วมวง ZE:A และลงเรียนคอร์สดำน้ำจนกระทั่งได้รับใบอนุญาตดำน้ำ โดยเขาเคยพูดว่า เขาชอบความรู้สึกตอนที่ดำน้ำ เขารู้สึกเหมือนได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง มันมีแค่ตัวเขากับเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง

และหลังจากพักผ่อนเขาก็กลับมารับงานละครเวที "สามทหารเสือ" (The Three Musketeers) ซึ่งรีสเตทอีกครั้งในบท "ดาตาญัง" (d'Artagnan) เช่นเดิม ร่วมกับ ซานดึล และ ชินอู แห่งวง บีวันเอโฟร์ (Sandeul and CNU B1A4) โดยมีรอบการแสดงในเดือนเมษายน - มิถุนายน[61][62]

เดิมกำหนดฉายของฮวารังคือช่วงเดือนกรกฎาคม แต่ก็ได้เลื่อนฉายไปถึงช่วงเดือนธันวาคม นั่นทำให้ละครฉายยาวข้ามไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 จนเวลาออกอากาศทับซ้อนกับละครอีกเรื่องซึ่งฮย็องชิกนำแสดงเช่นกัน คือ สาวน้อยจอมพลัง โดบงซุน (Strong Woman Do Bong-soon) ซึ่งมีกำหนดฉายในเดือนมกราคม 2017 ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในวงการละครของเกาหลี ทำให้ละคร หญิงแกร่งโดบงซุน ตัดสินใจเลื่อนเวลาฉายไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2017 กล่าวคือ ตอนจบของฮวารังออกอากาศในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2017 และตอนแรกของ หญิงแกร่งโดบงซุน ออกอากาศ ใน 3 วันถัดมาทันที คือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2017 เรียกว่าฉายต่อกันในสัปดาห์เดียวกันเลยทีเดียว[63][64]

สัญญาของฮย็องชิกกับ Star Empire Entertainment จะสิ้นสุดลงในวันที่ 6 มกราคม 2017 ทำให้เอเจนซี่ต่างวิ่งเข้าหาฮย็องชิกเพื่อเสนอสัญญา และแม้จะค่อนข้างชัดเจนว่าสมาชิกวง ZE:A ทุกคนจะไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม เนื่องจากมีความขัดแย้งที่หัวหน้าวง ZE:A มุน จุน-ยอง (Moon Jun-Young) เคยออกมาแฉถึงสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบของ Star Empire ไปเมื่อปี 2014[65] แต่ Star Empire ยังคงพยายามยื้ออย่างที่สุด โดยขู่ดำเนินการทางกฎหมายกับเอเจนซี่ต่าง ๆ ที่เข้ามาทาบทามพวกเขาด้วย[66]

2017: ขึ้นทำเนียบพระเอก โด่งดังทั่วเอเชีย

ฮย็องชิกได้รับบทพระเอกอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกในละครโรแมนติกคอมเมดี้ ทางช่องเคเบิล JTBC เรื่อง "สาวน้อยจอมพลัง โดบงซุน" (Strong Woman Do Bong-soon) ซึ่งเขาแสดงคู่กับดาราสาวชื่อดังอย่าง พัค โบ-ยอง (Park Bo-young) โดยเขารับบทเป็น "อัน มิน-ฮยอก" (Ahn Min-hyuk) ประธานบริษัทผลิตเกมชื่อดัง ละครเรื่องนี้โด่งดังเป็นพลุแตก ประสบความสำเร็จทั้งในด้านกระแสและเรตติ้ง ละครเรื่องนี้ทุบสถิติเรตติ้งสูงสุดของละครช่อง JTBC [67] ความนิยมของฮย็องชิกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วไม่เฉพาะแค่ในประเทศเกาหลีเท่านั้น แต่โด่งดังไปถึงอีกหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย โฆษณาสินค้าต่างวิ่งเข้ามาเขาอย่างมากมาย ชื่อของเขาติดอันดับดารายอดนิยมเสมอ และเขาก็ได้มีโอกาสร้องเพลงประกอบละครอีกครั้ง ชื่อเพลง Because of You[68]

ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดัง "โทรลล์ส" (Trolls) ซึ่งฮย็องชิกพากย์เสียงภาษาเกาหลีในบทพระเอก "แบรนช์" (Branch) ร่วมกับดาราสาว อี ซอง-คยอง (Lee Sung-kyung) ซึ่งพากย์บทนางเอกได้ออกฉาย[69] โดยทั้งคู่ได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ True Colors ในช่วงโปรโมตภาพยนตร์ร่วมกัน ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมมากมาย [70]

ละคร "สาวน้อยจอมพลัง โดบงซุน" (Strong Woman Do Bong-soon) เป็นละครเรื่องสุดท้ายของฮย็องชิกภายใต้สังกัด Star Empire หลังจากหมดสัญญาไปตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมแล้ว ฮย็องชิกยังคงใช้เวลาตัดสินใจเลือกสังกัดใหม่อย่างไม่เร่งรีบ เขาได้รับข้อเสนอจากสังกัดใหญ่ๆ มากมาย ยิ่งโดยเฉพาะหลังจากความสำเร็จของละคร "สาวน้อยจอมพลัง โดบงซุน" [71] แต่เขารอจนปิดกล้องละครและหมดภาระผูกพันกับต้นสังกัดเดิมอย่างแท้จริงแล้ว จึงประกาศการเลือกสังกัดใหม่ และฮย็องชิกตัดสินใจเลือก United Artists Agency (UAA) ซึ่งดูแลนักแสดงชื่อดังอย่าง ซอง เฮเคียว (Song Hye-kyo) และ ยู อา-อิน (Yoo Ah-in) เป็นบ้านหลังใหม่ของเขา โดยประกาศเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกันในเดือนเมษายน 2017[72] นั่นทำให้เห็นถึงเส้นทางในวงการบันเทิงที่เขาต้องการเดินไปต่อชัดเจนมากขึ้นว่า เขาต้องการเริ่มต้นชีวิตนักแสดงอย่างเต็มตัว จึงเลือกเซ็นสัญญากับสังกัดนักแสดง ฮย็องชิกได้ตกลงกับต้นสังกัดใหม่ก่อนแล้วว่า เขาขอหยุดพักผ่อนในเดือนพฤษภาคม เพราะเขาถ่ายละครยาวมาตลอดตั้งแต่ฮวารัง จนถึงโดบงซุนโดยไม่ได้หยุดพัก ซึ่งเขาใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่กับครอบครัวและเพื่อน ๆ ทั้งเพื่อนนอกวงการสมัยเรียนและเพื่อนๆ ในวงการไอดอล[73]

หลังจากกลับจากการพักผ่อนเขาก็เริ่มงานแรกทันทีนั่น คือ แฟนมีตติ้งเดี่ยวครั้งแรกของเขาในเกาหลี Summer Day, Our First Step ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม 2017 ที่ Blue Square Samsung Card Hall ซึ่งบัตรงานนี้ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาที[74][75] โดยแขกรับเชิญในงานนี้คือ เพื่อนร่วมวง ZE:A อิม ชี-วาน, ไอดอลของเขา นักร้องชื่อดัง พัค ฮโย-ชิน (Park Hyo-shin) และเพื่อนสนิทนอกวงการของเขา 3 คน

จากนั้นเขาก็เริ่มทัวร์แฟนมีตติ้งในประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย คือ 1. ประเทศไต้หวัน (30 กรกฎาคม 2017)[76] 2. ประเทศไทย “2017 Park Hyung Sik First Love in Bangkok" ณ GMM Live House (6 สิงหาคม 2017)[77][78][79] 3. ประเทศญี่ปุ่น (29 สิงหาคม 2017)[80] 4. ประเทศฟิลิปปินส์ (11 พฤศจิกายน 2017)[81][82] ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งบัตรขายหมดอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที จนต้องเพิ่มที่นั่งแถวพิเศษในภายหลัง

ในช่วงปลายปี ฮย็องชิกรับบทพระเอกในภาพยนตร์สั้น ความยาว 30 นาที เรื่อง Two Lights: Relúmĭno คู่กับนักแสดงสาว ฮัน จี-มิน (Han Ji-min) กำกับโดยผู้กับกับชื่อดัง ฮอ จิน-โฮ (Hur Jin-ho)[83] ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์การกุศล เพื่อโปรโมตแอปพลิเคชันช่วยเหลือผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมของซัมซุงอิเล็คทรอนิกส์ (Samsung Electronics) โดยฮย็องชิกรับบทเป็น ช่างจูนเปียโน "ซอ อิน-ซู" (Seo In-soo) ซึ่งเพิ่งเริ่มป่วยเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมมาได้ 3 ปี ทำให้การมองเห็นของเขาลดลงเรื่อย ๆ แม้ตาจะไม่บอดสนิทก็ตาม[84][85][86] โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายทางเว็บไซต์ Youtube ในเดือนธันวาคม ซึ่งมีคำบรรยายแปลในภาษาต่าง ๆ ถึง 17 ภาษา เพื่อให้รับชมได้ทั่วโลก [87][88]

2018: Suits & Juror 8 & Elisabeth

ช่วงต้นปี 2018 นี้ ฮย็องชิกจัดงานแฟนมีตติ้งเก็บตกจากปีก่อนที่ ประเทศฮ่องกง Park HyungSik First Love in Hong Kong ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2018[89][90]

และในเดือนมีนาคม 2018 ละครเรื่อง "สูท คู่ป่วนทนายจอมกวน" (Suits)[91] ละครเรื่องใหม่ของฮย็องชิกก็ได้เริ่มถ่ายทำ "สูทส์" เป็นละครดัดแปลงจากซีรีส์ชื่อดังของอเมริกา Suits ซึ่งเป็นซีรีส์แนวกฎหมาย แต่เน้นที่ความสัมพันธ์แบบครู-ลูกศิษย์ของตัวละครเอก 2 คน โดยฮย็องชิกรับบทเป็น "โก ยอน-อู" (Go Yeon-woo) หรือก็คือตัวละคร "ไมค์ รอสส์" (Mike Ross) ในซีรีส์ต้นฉบับ อัจฉริยะผู้มีความจำแบบภาพถ่าย แต่เลือกทางเดินชีวิตผิดพลาด จับพลัดจับผลูมาเป็นทนายโดยไม่มีแม้แต่ใบปริญญา[92] โดยเรื่องนี้เขาแสดงประกบกับดาราแถวหน้ารุ่นพี่เบอร์ใหญ่อย่าง "จาง ดง-กอน" (Jang Dong-gun) ละครฉายทางช่อง KBS2 โดยเริ่มฉายตอนแรกในวันที่ 25 เมษายน 2018[93] ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีพอสมควร ทำเรตติ้งเป็นอันดับ 1 ของละครที่ฉายในช่วงเวลาเดียวกันตลอดช่วงเวลาออกอากาศ [94] และฮย็องชิกยังสามารถคว้ารางวัล Netizen Award จากเวที KBS Drama Awards 2018 จากผลงานในละครเรื่องนี้ด้วย [95]

ฮยองชิก กับบทบาท Der Tod

ฮย็องชิกคอนเฟิร์มรับบทในภาพยนตร์อินดี้แนวกฎหมาย "Juror 8"[96] หรือ "8 คนพิพากษา" ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการพิจารณาคดีโดยใช้คณะลูกขุนครั้งแรกของเกาหลีใต้เมื่อปี ค.ศ. 2008 โดยเขารับบทเป็น "ควอน นัม-อู" (Kwon Nam-woo) 1 ใน 8 ลูกขุนในการพิจารณาคดีครั้งนั้น Juror 8 เป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา เริ่มถ่ายทำในเดือนกรกฎาคม และถ่ายทำเสร็จสิ้นช่วงปลายเดือนกันยายน [97][98] มีกำหนดเข้าฉายเดือน พฤษภาคม 2019

ช่วงปลายเดือนสิงหาคม UAA คอนเฟิร์มการกลับมารับงานละครเวทีในรอบ 2 ปีของฮย็องชิก ในบท "ความตาย" (Death) หรือ "เดร์ ธ็อท" (Der Tod) ยมทูตผู้ตกหลุมรักจักรพรรดินีโฉมงาม ในละครเวทีโปรดักชั่นใหญ่เรื่อง "เอลิซาเบธ" (Das Musical Elisabeth) ร่วมกับ จุนซู วง เจวายเจ (Junsu JYJ) และ เลโอ วง วิกซ์ (Leo VIXX) โดยฮย็องชิกมีรอบการแสดงในช่วงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2018 - 27 มกราคม 2019 [99] ซึ่งเขาต้องเปลี่ยนลุคย้อมผมเป็นสีบลอนด์เงิน เพื่อบทบาท Der Tod ในละครเวทีเรื่องนี้ด้วย [100]

2019: Juror 8 เข้าฉาย & เข้ากรมฯ

ในช่วงต้นปี 2019 นี้ ฮยองชิกยังคงมีรอบการแสดงละครเวที "เอลิซาเบธ" (Das Musical Elisabeth) ที่โซล จนถึง 27 มกราคม 2019 และเข้าร่วมการออกแสดงทัวร์ตามจังหวัดต่างๆของเกาหลี จนถึงเดือนเมษายน 2019 [101] โดยแสดงรอบสุดท้ายที่เมืองซ็องนัม ในวันที่ 13 เมษายน 2019 [102][103][104][105]

วันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2019 ฮย็องชิกมีงานแฟนมีตติ้งรับวาเลนไทน์ "Park Hyung Sik Fun Meet" และ "Park Hyung Sik Meet & Greet" จัดโดยแบรนด์เสื้อผ้า BENCH ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ [106]

"Juror 8" หรือ "8 คนพิพากษา" เริ่มโปรโมทภาพยนตร์ปลายเดือนมีนาคม และเข้าฉายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2019 ถือเป็นผลงานส่งท้ายก่อนฮยองชิกจะเข้ากรมรับใช้ชาติ [107][96][108][109][110]

ฮยองชิกเตรียมความพร้อมในการเข้ากรมฯ ควบคู่ไปกับการโปรโมทภาพยนตร์ จนกระทั่งเสร็จสิ้นตารางงานในวันที่ 28 พฤษภาคม 2019 [111] และรายงานตัวเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ในวันที่ 10 มิถุนายน 2019

ฮยองชิกปรากฏตัวต่อสาธารณะหลังเข้ากรมฯเป็นครั้งแรกในงานประกาศรางวัล 40th Blue Dragon Film Awards 2019 ซึ่งเขาขึ้นเวทีรับรางวัล ดารายอดนิยม (Popular Star Award) ทั้งเครื่องแบบทหาร ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2019 [112]

2019 - 2021: เข้ากรมฯ รับใช้ชาติ

ฮยองชิก ตัดสินใจเลือกสมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารในหน่วยสารวัตรทหาร (Military Police Department) กองบัญชาการป้องกันเมืองหลวง (Capital Defense Command : CDC) หรือเรียกสั้นๆว่า "ซูบังซา" 수방사 (Su Bang Sa) เนื่องจากเมื่อครั้งถ่ายทำรายการเรียลเมน (Real Men) เขาเคยเข้ารับการฝึกในหน่วยดังกล่าว และทำได้ดีจนได้รับฉายา "สไนเปอร์ พัค" (Sniper Park) เพิ่มเติมจากการเป็น "ทหารน้อย" ฮยองชิกผ่านการทดสอบข้อเขียน และการสอบสัมภาษณ์รอบแรกในเดือน มีนาคม 2019 เข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ในวันที่ 9 เมษายน 2019 และได้รับการตอบรับเข้าให้ประจำในหน่วยดังกล่าวในวันที่ 26 เมษายน 2019 มีกำหนดเข้าประจำการในวันที่ 10 มิถุนายน 2019 และมีกำหนดการปลดประจำการในวันที่ 4 มกราคม 2021 [113][114][115]

ฮยองชิกเดินทางไปรายงานตัวเข้ารับการเกณฑ์ทหารที่ ศูนย์ฝึกทหารนนซาน (Nonsan Army Training Center) จังหวัดชุงช็องใต้ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2019 เวลา 14.00 น. ตามเวลาเกาหลีใต้ โดยจะเข้ารับการฝึกพื้นฐานที่ศูนย์แห่งนี้เป็นเวลา 5 สัปดาห์[116] [117]

วันที่ 2 กรกฎาคม 2019 มีการอัปเดตภาพหมู่ของทหารเกณฑ์ใหม่ผ่านทางเว็บไซต์ทางการ ซึ่งในภาพปรากฏฮยองชิกในเครื่องแบบทหารประดับเครื่องหมายประจำตำแหน่งหัวหน้าหมู่ และหัวหน้ากองร้อย เป็นภาพแรกจากกรมทหารหลังจากเขาเข้าประจำการ [118][119][120]

ในพิธีสำเร็จการฝึกขั้นพื้นฐาน ณ ศูนย์ฯนนซาน วันที่ 16 กรกฎาคม 2019 เวลา 11.00 น. ฮยองชิกได้รับเหรียญและเกียรติบัตรยกย่องถึงการเป็นทหารที่ประพฤติดี และมีทัศนคติที่ดีตลอดการฝึกพื้นฐาน ซึ่งเขาได้รับวันหยุดพิเศษ 3 วัน 2 คืนเป็นรางวัล [121][122] จากนั้นฮยองชิกเข้ารับการเตรียมพื้นฐานสำหรับหน่วยพิเศษ อีก 3 สัปดาห์ ณ Army General Administration School เขตย็องดง จังหวัดชุงช็องเหนือ[123] โดยสำเร็จการฝึกหน่วยพิเศษ (SDT : Special Duty Team) ในวันที่ 8 สิงหาคม 2019 ด้วยผลคะแนนสูงเป็นลำดับ 2 ของหน่วย [124][125] ก่อนจะเข้าประจำการที่จังหวัดคังว็อน จังหวัดชุงช็องเหนือ และโซล ในเวลาต่อมา ในวันที่ 1 กันยายน 2019 ฮยองชิกได้เลื่อนยศขึ้นเป็น "สิบตรี" (Private First Class) เป็นการปรับยศและเงินเดือนครั้งแรก [126] และในเดือน มกราคม 2020 ฮยองชิกได้เลื่อนยศขึ้นเป็น "สิบโท" (Corporal) ก่อนกำหนดการ 1 เดือน เป็นรางวัลจากการผลคะแนนยอดเยี่ยม [127] และเลื่อนขึ้นเป็น "สิบเอก" (Sergeant) ในเดือนกรกฎาคม 2020

แหล่งที่มา

WikiPedia: พัก_ฮย็อง-ชิก http://ourpurplewave.blogspot.com/2016/12/article-... http://my.castko.com/archives/14526 http://www.ch3thailand.com/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B... http://english.chosun.com/site/data/html_dir/2015/... http://english.chosun.com/site/data/html_dir/2017/... http://www.dailymotion.com/video/x3bu86h http://elf-asia.com/tour/park-hyung-sik-first-love... http://www.fnnews.com/news/201301041112312139 http://tenasia.hankyung.com/archives/117910 http://www.imdb.com/name/nm6027947/