ประวัติ ของ พีจีพี

กำเนิด

PGP ในรุ่นแรกสุดนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของ Phil Zimmermann ในปี 1991 ภายใต้ชื่อ Pretty Good Privacy โดยได้แรงบันดาลใจมาจากร้านขายของชำที่ชื่อ Ralph's Pretty Good Groceryโดยในรุ่นแรกนั้น อาศัยการเข้ารหัสแบบ Symmetric-key BassOmatic ที่ Zimmermann ได้คิดค้นขึ้นมาเอง และในช่วงเวลาต่อมาด้วยความที่ PGP นั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ทำให้ถูกใช้งานจากผู้ใช้ BBS หรือกระทั่งถูกใช้เพื่อความปลอดภัยในการส่งข้อความหรือแฟ้มระหว่างกันมากขึ้น และทำให้ความนิยมใน PGP แพร่ขยายไปอย่างรวดร็วและกว้างขวาง

PGP 5

ในปี 1993 Zimmermann นั้นถูกรัฐบาลสหรัฐตรวจสอบเนื่องด้วยสาเหตุที่ว่าสมัยนั้นการเข้ารหัสข้อมูลที่ใช้ keys มากกว่า 40 บิทนั้นมักจะใช้ในการอำพรางการขนส่งของผิดกฎหมาย ดังนั้น PGP ที่ใช้ keys ถึง 128 บิท จึงถูกจัดเป็นกลุ่มต้องสงสัยอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในที่สุดแล้ว Zimmermann เองก็สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ และพ้นจากการถูกกล่าวหาในที่สุด

ท่ามกลางปัญหาอันวุ่นวายนี้ ทีมงานของ Zimmermann เองก็ได้ทำการพัฒนา PGP รุ่นใหม่ออกมาภายใต้ชื่อ PGP 3 โดยได้เพิ่มความปลอดภัยขึ้นด้วยการเปลี่ยนโครงสร้างของ certificate เสียใหม่และแก้ไขข้อเสียปัญหาด้านความปลอดภัยเล็กๆน้อยๆในรุ่นที่ผ่านมา PGP3 ยังใช้อลักอรึทึ่ม CAST-128 สำหรับ symmetric key และ DSA EIGamal สำหรับ asymmetric keyซึ่งเป็นอัลกอลึทึ่มที่ไม่มีภาระผูกพันทางสิทธิบัตร หลังจากการถูกตรวจสอบจากทางรัฐบาลสิ้นสุดลง Zimmermann และทีมงานก็ได้ทำการค้นคว้า PGP รุ่นใหม่ในทันที โดยใช้พื้นฐานการพัฒนามาจาก PGP2 จนกลายมาเป็น PGP4 และเพื่อป้องกันการสับสนว่า PGP3นั้นนับเป็นตัวที่พัฒนาต่อยอดมาจาก PGP4 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น PGP 5 และออกวางจำหน่ายในปี 1997

OPEN PGP

เนื่องจาก PGP นั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเนื่องด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัย นั้น ทำให้ผู้พัฒนาโปรแกรมต่างอยากนำ PGP มาเป็นส่วนควบคุมความปลอดภัยในโปรแกรมของตนเป็นจำนวนมาก จน Zimmermann ได้ทำการเปิดมาตรฐาน PGP สำหรับการเข้ารหัสขึ้นมา โดยยื่นเสนอเรื่องไปยัง IETF จนได้รับความเห็นชอบ และเปิดตัวมาตรฐาน OpenPGP ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับการเข้ารหัสในโปรแกรมที่ใช้ซึ่งในภายหลังกลุ่ม Opensource ได้นำมาตรฐาน OpenPGP ไปพัฒนา GnuPG ขึ้นมาสำหรับให้ใช้งานฟรีแต่ในปี 1997 ด้วยการที่ทีมงาน PGP ได้เข้ามาทำงานเป็นส่วนหนึ่งของ Network Associates(NAI) นั้น ทำให้ Zimmermann ได้ทำการพัฒนา PGP ขึ้นไปอีกด้วยการเพิ่มdisk encryption, desktop firewalls, intrusion detection, และ IPsec VPNsให้กับ PGP จนกระทั่งในปี 2000 NAI ได้ทำการหยุดการเผยแพร่ Source code ท่ามกลางการคัดค้านของทีมงาน PGP ทำให้ผู้ที่ใช้งาน PGP ต่างตื่นตระหนก ซึ่งทาง NAI ก็ได้ประกาศให้ PGP นั้นเป็นโปรแกรมลิขสิทธิ์สำหรับการวางจำหน่าย ทำให้ทีมพัฒนาหลายๆคนเกิดความไม่พอใจจนต้องลาออกไป

PGP ในปัจจุบัน

ในปี 2002 ทีมงานพัฒนา PGP เดิมได้รวมกลุ่มกันตั้งบริษัท PGP Corporation ขึ้นมาและทำการซื้อลิขสิทธิ์ PGP คืนมาจาก NAI PGP Corporation นั้นปัจจุบันนั้นกลายมาเป็นผู้ให้การบริการผู้ใช้โปรแกรม PGP และเป็นที่ปรึกษาของ NAI โดยมี Zimmermann ขึ้นนั่งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของบริษัท นอกจากงานด้านการบริการและให้คำปรึกษาแล้ว PGP Corporation ก็ยังคงพัฒนาโปรแกรมของตนเองออกมาเรื่อยๆ เช่น PGP Universal PGP Command Line และ PGP Desktop