พ็อลเทอร์ไกสท์ (
เยอรมัน: Poltergeist,
เสียงอ่าน (
วิธีใช้·
ข้อมูล) ) เป็นชื่อเรียกปรากฏการณ์ชนิดหนึ่ง ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทาง
วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน คำว่า "พ็อลเทอร์ไกสท์" มาจาก
ภาษาเยอรมันคำว่า "Poltern" หมายถึง "ก่อความรำคาญหรือเอะอะมะเทิ่ง" และคำว่า "Geist" หมายถึง "
ผี" เมื่อรวมความแล้ว คำว่า "พ็อลเทอร์ไกสท์" พอจะแปลความหมายได้ว่า "ผีที่น่ารำคาญหรือส่งเสียงดัง"
[1]ปรากฏการณ์พ็อลเทอร์ไกสท์จะแสดงออกด้วยการเคลื่อนข้าวของภายใน
บ้าน โดยที่ไม่มีใครไปเคลื่อนย้าย ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะปรากฏในบ้านของโลกตะวันตก จึงมี
ความเชื่อกันว่าเป็นการกระทำของผี ซึ่งจะไม่ถึงขั้นหลอกหลอน
มนุษย์จนขวัญผวา เพียงแค่ทำให้ตกใจเล่นเท่านั้น แต่ในบางกรณีก็อาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ข้าวของเสียหายหรือเกิดเป็นรอยข่วน รอยกัดตามร่างกายมนุษย์ก็มี บางครั้งปรากฏการณ์พ็อลเทอร์ไกสท์อาจเกิดติดต่อกันเป็นวัน ๆ แต่
นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า พ็อลเทอร์ไกสท์ เป็นการกระทำที่เกิดจากมนุษย์เอง โดยเกิดจาก
ความกดดัน โดยเฉพาะใน
วัยรุ่น เชื่อว่าเป็นลักษณะของการใช้
พลังจิตแบบที่เคลื่อนย้ายสิ่งของ ที่เรียกว่า
ไซโคคิเนซิส (Psychokinesis) นั่นเอง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว ขณะที่นักวิชาการชาวญี่ปุ่น โอทสึ โยะชิฮิโกะ แห่ง
มหาวิทยาลัยวะเซะดะ ที่ศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติต่าง ๆ เห็นว่า พ็อลเทอร์ไกสท์เป็นปรากฏการณ์ของ
พลาสมา คือ
ไฟฟ้าสถิตที่ไหลวนอยู่ใน
อากาศ ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้เป็นปรากฏการณ์เดียวกับการเกิด "
ลูกไฟวิญญาณ" หรือ "ฮิโตะดะมะ" (
ญี่ปุ่น: 人魂) ตามความเชื่อของชาวจีนและชาวญี่ปุ่นนั่นเอง
[2]พ็อลเทอร์ไกสท์ได้ถูกอ้างอิงใน
วัฒนธรรมร่วมสมัย โดยมีการเขียนเป็น
นวนิยายในชื่อเดียวกันนี้ (ฉบับแปลเป็น
ภาษาไทยใช้ชื่อว่า "โพลเทอร์ไกสท์ผีเกเร") โดย เจมส์ คาห์น นักเขียน
ชาวอเมริกัน ในปี
ค.ศ. 1982 ซึ่งต่อมาทาง
ฮอลลีวูดก็ได้สร้าง
ภาพยนตร์จากนวนิยายเรื่องนี้ด้วยในชื่อเดียวกัน อำนวยการแสดงโดย
สตีเวน สปีลเบิร์ก ในปีเดียวกัน ซึ่งภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนต้องมีการสร้างต่อมาอีก 3 ภาค และสร้างเป็น
ซีรีส์ (ในชื่อภาษาไทยใช้ชื่อว่า "
ผีหลอกวิญญาณหลอน") ซึ่งทำให้ทั้งโลกได้รู้จักกับปรากฏการณ์พ็อลเทอร์ไกสท์มากขึ้น