จักรวรรดิบริแทนเนียอันศักดิ์สิทธิ์ ของ ภาคีอัศวินดำ

จากซ้ายไปขวา: ครูดิโอ เอส ดาร์ลตัน, อันเดรียส ดาร์ลตัน, กิลฟอร์ด, คอร์เนเลีย, ยูเฟเมีย, สุซาคุ, ลอยด์, เซซิล, เจเรเมีย, วิเลตตาและคลีเวล

จักรวรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนียเป็นอาณาจักรที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกในเรื่องโค้ด กีอัส ครอบครองพื้นที่ 1 ใน 3 ของโลกในตอนเริ่มต้นซีรีส์และเพิ่มเป็น 2 ใน 3 ของโลกในตอนกลางซีซั่น 2 โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครหลวงเพนดราก้อนในอเมริกาเหนือ พื้นที่ในการครอบครองของบริแทนเนียครอบคลุมซีกโลกตะวันตกทั้งหมด ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์และส่วนหนึ่งของตะวันออกกลาง ทว่าบริแทนเนียหาได้ครอบครองหมู่เกาะบริเตนตามชื่อประเทศไม่ เพราะบริแทนเนียได้สูญเสียดินแดนส่วนนี้ให้แก่ชาติยุโรปอื่นในช่วงศตวรรษที่ 18 ธงชาติของบริแทนเนียประกอบด้วยรูปกางเขนเซนต์จอร์จ ซึ่งกับอิงธงชาติอังกฤษในความเป็นจริง และตราอาร์มรูปสิงโตและงู อันเป็นสัญลักษณ์ของ "กษัตริย์" และ "ความตายและกำเนิดใหม่" ตามลำดับ

ราชวงศ์บริแทนเนีย

ประเทศบริแทนเนียอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์บริแทนเนีย ซึ่งเข้าควบคุมตำแหน่งระดับสูงทั้งในรัฐบาลและกองทัพ เจ้าชายและเจ้าหญิงในราชวงศ์นี้จะมีฐานันดรศักดิ์เรียงตามลำดับหมายตัวเลข โดยยึดถือตามสถานะของมารดาผู้เป็นชายาและสนมของจักรพรรดิ เช่น โคลวิสเป็นเจ้าชายลำดับที่ 3 ส่วนลูลูซเป็นเจ้าชายลำดับที่ 11 เป็นต้น ลำดับฐานันดรนี้จะเรียงตามเฉพาะเพศด้วย เช่น ยูเฟเมียเป็นเจ้าหญิงลำดับที่ 3 คู่กับโคลวิสผู้เป็นเจ้าชายลำดับที่ 3 ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงจะใช้คำนำหน้านามสกุลเหมือนกันกับมารดาของตนเอง สมาชิกในราชวงศ์มีสิทธิ์ที่จะแต่งตั้งองค์รักษ์ประจำตัวที่เรียกว่า "อัศวิน" ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจและตำแหน่งโดยตรงจากเจ้านายของตนเองพร้อมทั้งหน่วยรบประจำตัว ยกตัวอย่างเช่น เจ้าหญิงคอร์เนเลียมีกิลฟอร์ดเป็นอัศวินประจำตัวและได้รับหน้าที่ควบคุมหน่วยรบไนท์แมรฺ์เฟรมโกลวเซสเตอร์ (Gloucester)

ชาร์ลส์ ซี บริแทนเนีย

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

ชาร์ลส์ ซี บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: シャルル・ジ・ブリタニア โรมาจิSharuru ji Buritania; ทับศัพท์อังกฤษ: Charles zi Britannia) ผู้ถูกกล่าวถึงในฐานะจักรพรรดิแห่งบริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ブリタニア皇帝 โรมาจิBuritania Kōtei) ในช่วงต้นเรื่อง เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ปี a.t.b. 1985[1] เป็นพ่อของลูลูชและจักรพรรดิลำดับที่ 98 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย และเป็นตัวละครหลักฝ่ายร้ายของเรื่องนี้ เขามีนางสนมหลากเชื้อชาติถึง 108 คน[2] ด้วยความที่เป็นผู้ยึดมั่นในแนวคิดเรื่องสังคมตามแนวทางทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน (Social Darwinism) เขาจึงมีทัศนะต่อความเสมอภาคว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายที่จะต้องกำจัดให้สิ้น และเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว เขาจึงส่งเสริมความขัดแย้งทางชนชั้นและการขยายอำนาจทางการทหารเพื่อดำรงไว้ซึ่งวิวัฒนาการและความก้าวหน้าของสังคม ในวัยเยาว์จักรพรรดิชาร์ลส์ได้ประสบกับความเลวร้ายจากการสังหารกันเองของเชื้อพระวงศ์เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ เขาจึงได้สัญญากับวีทู (V.V.) ผู้เป็นพี่ชายว่าจะสร้างโลกใหม่ที่ปราศจากการโกหกหลอกลวงขึ้น ภายหลังเมื่อชาร์ลส์ได้มารีแอนน์และซีทู (C.C.) มาเป็นพันธมิตร เขาจึงได้สร้าง "ดาบแห่งอาคาชา" เพื่อเป็นเครื่องมือนำไปสู่จุดบรรจบแห่งแร็คนาร็อค และสร้างโลกใหม่ที่ปราศจากการหลอกลวงโดยการฆ่าสิ่งที่เรียกว่า "พระเจ้า" ซึ่งเป็นแหล่งรวมห้วงจิตไร้สำนึกในปัจเจกบุคคลของมวลมนุษยชาติ

มารีแอน วี บริแทนเนีย

เป็นแม่ของ ลูลูช วี บริแทนเนีย กับ นันนาลลี่ วี บริแทนเนียในอดีตก่อนขึ้นเป็นมเหสีคนที่5 ของจักรพรรดิ เธอเคยเป็นอัศวินอยู่ในตำแหน่งไนท์ออฟซิกส์มาก่อน

โอดิสสิอุส ยู บริแทนเนีย

โอดิสสิอุส ยู บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: オデュッセウス・ウ・ブリタニア โรมาจิOdyusseusu u Buritania) องค์ชายลำดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย มีพระมารดาชื่อว่าอาลิอันน่า ยู บริแทนเนีย ถึงเขาจะดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารและเป็นองค์แรกที่มีสิทธิสืบทอดราชบัลลังก์ แต่ก็มีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ น้อยกว่าพระเชษฐาอย่างองค์ชายลำดับที่ 2 ชไนล์เซล เขาเป็นคนลังเลไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาด ไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหาภาคีอัศวินดำที่เปิดฉากก่อการกบฏใน Area 11 ได้อย่างไรจนทำให้ชไนล์เซลต้องอาสาไปจัดการแก้ปัญหาให้แทนและช่วยกองทัพของคอร์เนเลีย

ในซีซั่น 2 เขาได้อภิเษกกับเทียนจื่อ จักรพรรดินีแห่งสหพันธรัฐจีน ซึ่งเป็นการอภิเษกทางการเมืองตามแผนการของชไนล์เซลเพื่อสันติภาพของทั้ง 2 ชาติ แต่เมื่องานอภิเษกต้องเป็นอันล้มเพราะการขัดขวางของลี ฉิงเคอและภาคีอัศวินดำ แต่โอดิสสิอุสกลับไม่สนใจเรื่องดังกล่าว กลับสนใจแต่การดำเนินสงครามต่อกับอียูและการเริ่มเป็นศัตรูของสหพันธรัฐมากกว่า เมื่อลูลูซปรากฏตัวที่วังและไม่แคร์ที่จะบอกว่าตนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ คิดว่าเป็นเพียงแค่การเล่นพิเรนทร์ของลูลูซ หลังจากลูลูซบอกว่าเขาเป็นคนฆ่าองค์จักรพรรดิลูลูซได้ใช้กีอัสกับโอดิสสิอุสและคนอื่นในวังให้ยอมรับลูลูซเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นทหารเกณฑ์ในกองทัพบริแทนเนีย

กิเนเวีย ซู บริแทนเนีย

กิเนเวีย ซู บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ギネヴィア・ス・ブリタニア โรมาจิGinevia su Britannia) องค์หญิงลำดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย เธอเป็นคนที่ชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับการสร้างอนุสาวรีย์และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ บนตัวเธอมีรอยสักอยู่บริเวณหน้าอกทางด้านซ้าย และมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สหพันธ์จีนทำให้เชษฐาของเธอเป็นที่อับอายต่อสาธารณชน 1 เดือนหลังจากการหายตัวไปของจักรพรรดิ เธอตกใจเป็นอย่างมากสิ่งที่เธอเห็นในวังก็คือลูลูซยังมีชีวิตอยู่และตกใจยิ่งกว่าเดิมที่เขาเป็นคนฆ่าพ่อ จึงได้ออกคำสั่งให้ทหารในวังจับตัวลูลูซแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะสุซาคุเข้ามาขวาง ลูลูซจึงใช้กีอัสกับเธอและทุก ๆ คนในวังให้ยอมรับเขาเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นคนรับใช้เช่นเดียวกับราชวงศ์องค์อื่น ๆ

ชไนล์เซล เอล บริแทนเนีย

ชไนล์เซล เอล บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: シュナイゼル・エル・ブリタニア โรมาจิShunaizeru eru Buritania) องค์ชายลำดับที่ 2 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งบริแทนเนีย เขาเป็น 1 ในคู่ปรับหลักในด้านการวางแผนของลูลูซในซ๊รี่ย์ เป็นคนคนเดียวในสมัยวัยเยาว์ที่ลูลูซไม่สามารถเอาชนะหมากรุกได้เลย ชไนล์เซลเคยได้กล่าวอ้างว่าตัวเขานั้นรักและเกรงกลัวลูลูซมากที่สุด นิสัยส่วนตัวของชไนล์เซลเป็นคนที่เย็นชาและอำมหิตในฐานะของนักวางแผน เขาสามารถสละสิ่งสองสิ่งนี้ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถสูงและเป็นห่วงลูกน้องที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา เขาได้แสดงให้เห็นถึงสิ่ง ๆ หนึ่งที่กองทัพมองว่าไม่จำเป็น นั้นก็คือการเป็นผู้แทนทำการเจรจาสันติภาพในยุโรปแม้จะยังมีการต่อต้านจากกองกำลังต่าง ๆ ในยุโรปก็ตามที ^o^

คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย

คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: コーネリア・リ・ブリタニア โรมาจิKōneria ri Buritania) องค์หญิงลำดับที่ 2 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพจักรวรรดิ มีความสามารถสูงในการต่อสู้ด้วยไนท์แมร์ คอร์เนเลียสามารถนำกองทัพบริแทนเนียเข้ายึดครองและตั้งมั่นอยู่ที่ Area 18 ในเขตตะวันออกลางก่อนที่จะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการของ Area 11 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของโคลวิส เธอเป็นคนที่ไม่ไว้วางใจชาวต่างชาติที่ได้รับเกียรติยกย่องเป็นชาวบริแทนเนียผู้ทรงเกียรติและไม่ต้องการจะเอาชนะศึกใด ๆ ด้วยความช่วยเหลือจากชาวบริแทนเนียผู้ทรงเกียรติอีกด้วย เธอมีความเด็ดขาดและตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมและมักอ่อนโยนกับยูเฟย์เมียร์ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของตนอยู่เสมอเช่นการคำนึงถึงความปลอดภัยของยูเฟย์เมียร์ เธอมีกิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด เป็นอัศวินพิทักษ์ส่วนพระองค์และบัญชาหน่วยกลาสตันไนท์

เมื่อคอร์เนเลียเดินทางมายัง Area 11 คอร์เนเลียได้ส่งกองทัพเข้าไปปราบปรามกลุ่มภาคัอัศวินดำของซีโร่และกลุ่มต่อต้านอื่น ๆ ผลก็คือกลุ่มต่อต้านทุกกลุ่มล้วนถูกกำจัดทั้งหมดยกเว้นภาคีอัศวินดำ หลังจากยูเฟย์เมียร์สิ้นพระชนม์ คอร์เนเลียได้เผชิยหน้ากับซีโร่และเข้าประชิดตัวพอที่จะสามารถฆ่าซีโร่ได้ อย่างไรก็ตามเธอก็ถูกขัดขวางโดยผู้ใต้บังคับบัญชา อันเดรียส ดาร์ลตันซึ่งโดนกีอัสของลูลูซควบคุมเอาไว้ ดาร์ลตันทำให้ไนท์แมร์เฟรมของคอร์เนเลียพังใช้การไม่ได้ และเธอก็ได้รู้ว่าซีโร่นั้นคือลูลูซและตกอยู่ภายใต้อำนาจของกีอัสให้ตอบคำถามเรื่องของการลอบปลงพระชมน์ของจักรพรรดินี ต่อมาเมื่อสุซาคุได้มาพบเธอและได้แต่งตั้งเป็นอัศวินอย่างไม่เป็นทางการและส่งเขาให้ไปตามล่าลูลูซ ในซีซั่นที่ 2 หลังความวุ่นวายจบลงคอรร์เนเลียได้ถูกบันทึกสถานะจากทางการบริแทนเนียว่า MIA (Missing In Action) ซึ่งหมายถึงบุคคลที่หายสาบสูญไประหว่างการรบ คอร์เนเลียได้เดินทางร่อนเร่ค้นหาความจริงเกี่ยวกับกีอัสเพื่อกู้ชื่อเสียงให้กับยูเฟย์เมียร์ จนได้พบกับฐานใต้ดินของภาคีกีอัสและทำการแทรกซึมเข้าไปจนได้รู้ว่าพระบิดาก็มีพลังนี้อยู่ คอร์เนเลียโดนวีทูจับได้ ต่อมาระหว่างที่ภาคีกีอัสโดนบุกโดยภาคีอัศวินดำเธอก้สามารถแหกคุกหลบหนีออกมาจนได้ และยิงเครื่องซิกฟริดของวีทูตกด้วยอาคัตซึกิที่ได้รับความเสียหายตรงจุดอ่อน คอร์เนเลียโดนจับอีกครั้งโดยเป็นนักโทษของลูลูซแต่ระหว่างการรบในศึกโตเกียวครั้งที่ 2 เธอสามารถหนีมาได้และไปหาชไนล์เซลและบอกเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับภาคีกีอัส

ต่อมาเธอได้เข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านในกัมพูชาหลังจากที่ลูลูซขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ และเมื่อได้รู้ว่าชไนล์เซลมีแผนที่จะใช้ป้อมเวหาเดอมอคลีสทำลายล้างโลกทั้งหมดเธอได้พยายามขัดขวางแต่ถูกยิงบาดเจ็บและถูกส่งตัวไปที่เกาะโฮไรและได้รับการรักษาและเฝ้าดูแลจากกิลฟอร์ด 2 เดือนต่อมาเมื่อลูลูซได้ดำเนินแผนการของตน (ซีโร่เรเควี่ยม) เธอรวบรวมกลุ่มต่อต้าน (ซึ่งมีวิเลตตากับกิลฟอร์ดรวมอยู่ด้วย) บุกชิงตัวประกันหลังจากที่ลูลูซถูกฆ่า เธอปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของวิเลตตาโดยมีกิลฟอร์ดยืนอยู่เคียงข้างเธอ

ในฉบับบการ์ตูนดัดแปลงของโค้ดกีอัสเธอไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ Area 11 แต่เป็นขนิษฐาของเธอ ยูเฟย์เมียร์ที่ได้เป็นผู้ว่าการ

โคลวิส ลา บริแทนเนีย

โคลวิส ลา บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: クロヴィス・ラ・ブリタニア โรมาจิKurovisu ra Buritania) องค์ชายลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการของ Area 11 เป็นคนที่ขี้ขลาดและมักหลงตัวเองว่าไม่มีทางพ่ายแพ้ต่อสิ่งใด ในสมัยวัยเยาว์เขามักเล่นหมากรุกกับลูลูซบ่อยครั้งและมักแพ้บ่อย ๆ ในสายตาของโคลวิสมองว่าลูลูซเป็นคู่แข่งที่ทัดเทียมกับตนและด้วยความที่โคลวิสชอบความทรงจำที่เคยได้ใช้ชีวิตในวังวิลล่า เขาถึงกับออกแบบสวนบนที่ทำการของรัฐบาลให้เป็นแบบเดียวกับในวังวิลล่า โคลวิสเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านศิลปะและการออกแบบ เวลาวางแปลนออกแบบเขามักจะมีอารมณ์ที่สุทรีย์เป็นอย่างมาก

โคลวิสหมกหมุ่นกับการวิจัยเรื่องของซีทูและคนที่เหมิอนกับซีทูและกลัวการรั่วใหลของเรื่องการวิจัยไปถึงหูของสาธารณชน เมื่อแคปซูลของซีทูถูกขโมยไปโดยกลุ่มผู้ต่อต้านที่เข้าใจผิดว่าเป็นแก๊สทำลายประสาท โคลวิสจึงออกคำสั่งกวาดล้างชินจูกุเก็ตโต้ทั้งหมดเพื่อรักษาความลับของเรื่องดังกล่าว เมื่อลูลูซได้รับพลังกีอัสลูลูซก็ได้รวบรวมกำลังผู้ต่อต้านทั้งหมดเข้าต่อสู้จนกองทัพของโคลวิสแตกพ่ายไปและไปเผชิญหน้ากับโคลวิส โคลวิสถูกรีดเอาข้อมูลเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดินีและถูกฆ่าในที่สุด โคลวิสจึงเป็นคนแรกที่ได้รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของลูลูซและเป็นเหยื่อคนแรกของการแก้แค้นของลูลูซ

พระมารดาของโคลวิส กาบาเรล่า ลา บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ガブリエラ・ラ・ブリタニア โรมาจิGaburiera Ra Buritania) เมื่อทราบถึงเรื่องของโคลวิส พระนางก็ได้ตรอมใจและประทับอยู่ที่วังวอลลิก

ยูเฟเมีย ลี บริแทนเนีย

ยูเฟเมีย ลี บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: ユーフェミア・リ・ブリタニア โรมาจิYūfemia ri Buritania ทับศัพท์อังกฤษ: Euphemia li Britannia) เป็นน้องสาวร่วมบิดาของลูลูซ มีตำแหน่งเป็นเจ้าหญิงลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย เธอเป็นพี่น้องของลูลูชที่ห่วงใยนันนาลี่มากที่สุด เป็นผู้มีนิสัยที่โอบอ้อมอารี ใจกว้าง และเกลียดความขัดแย้งในทุกรูปแบบ

ยูเฟเมียร่วมมือกับคอร์เนเลียซึ่งพี่ของเธอในการปกครองเขต Area 11 โดยอยู่ในตำแหน่งรองอุปราช (Sub-Viceroy) เธอได้พัฒนาความสัมพันธ์กับคุรุรุกิ สุซาคุ ผู้มีทัศนคติเช่นเดียวกับเธอ ในเวลาต่อมาเธอจึงได้แต่งตั้งให้สุซาคุเป็นอัศวินประจำตัว ในช่วงตอนจบซีซั่นแรกเธอได้ประกาศเจตนารมณ์ในการจัดตั้งเขตบริหารพิเศษญี่ปุ่นในเขตพื้นที่ภูเขาฟูจิ โดยคืนสิทธิ์ในการใช้ชื่อว่าชาวญี่ปุ่นให้กับทุกคนรวมทั้งแผ่นดิน (เพื่อเรื่องดังกล่าวเธอยอมแลกด้วยการสละฐานันดรศักดิ์ของตนทิ้ง) ระหว่างพิธีการส่งมอบอำนาจการปกครองนั้นเธอตกอยู่ภายใต้อำนาจกีอัสของลูลูซโดยที่ลูลูซไม่สามารถควบคุมได้แม้จะพยายามขัดขืนก็ตาม ผลของกีอัสดังกล่าวทำให้เธอสั่งฆ่าชาวญี่ปุ่นทั้งหมด ซีโร่จึงจำใจต้องยิงเธอเพื่อยุติความวุ่นวายดังกล่าวและเป็นเหตุให้เธอเสียชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการกบฏ Black Rebellion และสร้างความเคียคแค้นอันขมขื่นให้แก่นีน่า สุซาคุ และโคร์เนเลีย

ในเนื้อเรื่องเสริมตอนอื่นๆ ได้มีการเปิดเผยว่า ทางการของบริแทนเนียได้ประกาศให้ยูเฟเมียเป็นผู้รับผิดชอบในการสังหารหมู่ครั้งนี้ เธอถูกตัดสินให้ถูกถอดถอนจากฐานันดรศักดิ์และประหารชีวิตโดยกองทัพบริแทนเนียในฐานะกบฏ เธอถูกกล่าวถึงในหมู่สาธารณชนในนาม "เจ้าหญิงผู้สังหารหมู่" (虐殺皇女, Gyakusatsu Koujo, "Massacre Princess") เมื่อลูลูซได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ เขาได้อธิบายกับสุซาคุว่าเขาตั้งใจจะลบรอยเลือดที่ทำให้เธอต้องถูกเรียกว่าเจ้าหญิงผู้สังหารหมู่ให้สาบสูญไป ในประเด็นดังกล่าวนี้ ลูลูชสามารถทำได้สำเร็จจากแผนการ "ซีโร่เรเควี่ยม" ซึ่งทำให้ความเกลียดชังทั้งหมดได้พุ่งมารวมไว้ที่ตัวลูลูช และผู้คนได้ลืมเลือนอดีตอันเลวร้ายพร้อมทั้งการสังหารหมู่ของยูเฟเมียจนหมดสิ้น

ในโค้ดกีอัสฉบับมังงะ ยูเฟเมียได้ถูกนำเสนอในลักษณะที่แตกต่างกันเล็กน้อย กล่าวคือ เธอได้ศึกษาอยู่ในโรงเรียนแอซฟอร์ดเป็นเวลา 3 วันก่อนที่จะได้ขึ้นเป็นอุปราชของ Area 11 และได้รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของลูลูซกับนันนาลี่

คารีน เล บริแทนเนีย

คารีน เล บริแทนเนีย (ญี่ปุ่น: カリーヌ・レ・ブリタニア โรมาจิKarīnu re Buritania) องค์หญิงลำดับที่ 5 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย อายุเท่ากับนันนาลี่ เธอเป็นน้องสาวคาซิอุส เล บริแทนเนีย ความคิดของเธอตรงกันข้ามกับความคิดของนันนาลี่ที่พอใจเรื่องสงครามกับการทำลายล้าง เธอไม่ชอบนันนาลี่ที่หวังถึงสันติภาพ แต่ถึงกระนั้นโอดิสสิอุสก็บอกให้เธอเป็นมิตรกับนันนาลี่ หลังจาก 1 เดือนที่องค์จักรพรรดิหายตัวไปเธออยู่ภายใต้การควบคุมของกีอัสที่บังคับให้ยอมรับลูลูซเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นคนรับใช้

ไนท์ออฟราวด์

สมาชิกไนท์ออฟราวด์ จากซ้ายไปขวา: ลูเซียโน่ แบรดลีย์ (บน), อาเนีย อัลสไตร์ม (ล่าง), สุซาคุ คุรุรุกิ, จีโน่ เวียนเบิร์ก, โมนิกา ครุเชฟสกี้, บิสมาร์ค วอลชไตน์และโนเนต เอนเนียแกรม โดโรเธีย แอนร์สทไม่ได้ปรากฏในภาพ

ไนท์ออฟราวด์ (ญี่ปุ่น: ナイトオブラウンズ โรมาจิNaito Obu Raunzu) กลุ่มทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับการคัดเลือกให้ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิ โดยมีตำแหน่งไล่จากอันดับ 1 ไปจนถึงอันดับ 12 พวกเขาทำงานนอกเหนือจากโครงสร้างทางกองทัพบริแทนเนียเชื่อฟังแต่คำสั่งจักรพรรดิเท่านั้น ไนท์ออฟราวด์ทุกคนล้วนเป็นนักบินไนท์แมร์ที่มีกำลังเสริมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการณ์ของแต่ละคน ไนท์แมร์ของไนท์ออฟราวด์ทุกเครื่องล้วนได้รับการประทานชื่อให้ทันทีหลังจากที่ได้เข้าเป็นสมาชิกไนท์ออฟราวด์ ไนท์ออฟราวด์ถูกปฏิบัติเหมือนเช่นเดียวกับขุนนางคนนึงในจักรวรรดิ เป็นที่รู้กันว่าคนที่ได้รับตำแหน่งไนท์ออฟวันจะถือว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิบริแทนเนียและสามารถขอประทานการเลือกอาณานิคมที่ต้องการประจำการอยู่ได้จากองค์จักรพรรดิ มีเพียง 8 ใน 12 คนเท่านั้นที่ปรากฏตัว

บิสมาร์ค วอลชไตน์

บิสมาร์ค วอลชไตน์ (ญี่ปุ่น: ビスマルク・ヴァルトシュタイン โรมาจิBisumaruku Varutoshutain) ชายร่างยักษ์เหมือนหมีที่มีตำแหน่งเป็นไนท์ออฟวัน เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของไนท์ออฟราวด์ เป็นนักบินของไนท์แมร์เฟรมกาลาฮัท เขาปิดตาของเขาไว้ข้างนึงแม้จะส่งผลทำให้ความสามารถในการต่อสู้ลดลง เขาเชื่อว่าสงครามควรเป็นคำตอบสุดท้ายเสมอเพราะมันอาจจะไม่สามารถคุมได้ เดิมทีเคยอยู่ในตำแหน่งไนท์ออฟไฟว์

ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 บิสมาร์คเป็นผู้นำการป้องกันการบุกจากกองกำลังของลี ฉิงเคอ ลีและบิสมาร์คได้ต่อสู้กัน แต่ลีไม่สามารถเอาชนะบิสมาร์คได้ บิสมาร์คแสดงความนับถือลีในความสามารถเมื่อเขายอมเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องรับความเสียหายเพื่อป้องกันกองบัญชาการ ระหว่างที่ชไนล์เซลวางแผนลอบวางแผนปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิ เขาเข้าไปขวางสุซาคุที่ได้รับมอบหมายเป็นมือสังหาร สุซาคุซึ่งได้รับผลของกีอัสที่สั่งให้มีชีวิตรอด (ซีโร่เป็นผู้สั่งไว้) จึงได้หนีจากการต่อสู้ไปเพราะคิดว่าอันตรายเกินไปที่จะต่อสู้ด้วย

ต่อมาหลังจากที่องค์จักรพรรดิเสด็จสวรรคตและลูลูซได้ขึ้นครองบัลลังก์ บิสมาร์คได้เป็นคนนำไนท์ออฟราวด์ 3 คนที่ยังเหลืออยู่กับกองกำลังไนท์แมร์เข้าโค่นอำนาจของลูลูซ ต่อมาหลังจากที่สุซาคุจัดการกองกำลังและไนท์ออฟราวด์คนอื่นทั้งหมดยกเว้นบิสมาร์ค บิสมาร์คได้เปิดตาข้างที่ปิดไว้ของเขาและใช้กีอัสที่ทำให้เขามองเห็นอนาคตล่วงหน้า และบอกว่าเขาภักดีต่อมาริแอน แต่ด้วยคำสั่งของกีอัสที่สั่งให้มีชีวิตรอดของสุซาคุที่เหนือกว่ากีอัสของบิสมาร์ค (ทำให้สุซาคุสามารถเคลื่อนที่ได้มากกว่าการมองเห็นอนาคตของบิสมาร์ค) เลยทำให้กาลาฮัทของเขาโดนผ่าครึ่ง ก่อนตายเขาได้เรียกชื่อของมาริแอน

จีโน่ เวียนเบิร์ก

จีโน่ เวียนเบิร์ก (ญี่ปุ่น: ジノ・ヴァインベルグ โรมาจิGino Weinberg) ตำแหน่งไนท์ออฟทรีในไนท์ออฟราวด์ เป็นสุดยอดนักบินอายุเพียงแค่ 17 ปี เกิดในตระกูลชั้นสูงและไม่ค่อยเข้าใจชีวิตการทำงานของคนทั่วไป มีความสามารถในการขับไนท์แมร์เฟรมเป็นอย่างมาก จึงได้รับตำแหน่งในไนท์ออฟราวด์ มีนิสัยเป็นคนร่าเริงเข้ากับคนได้ง่าย รวมถึงสุซาคุที่แม้จะเป็นชาวอีเลฟเว่นด้วย ดูเหมือนจะให้ความสนใจในตัวของสุซาคุเลยพยายามเข้าใกล้บ่อย ๆ เป็นนักบินไนท์แมร์เฟรมทริสตัน

หลังจากที่เขากับอาเนียเสียท่าพ่ายแพ้ให้กับคาลเลนที่เอาชนะด้วยกุเร็นติดปีก จีโน่กล่าวว่าความสามารถของคาลเลนนั้นเทียบเท่าได้กับความสามารถของไนท์ออฟราวด์ เขาผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ดวลกับคาลเลนอีกครั้งเมื่อลี ฉิงเคอสามารถจับตัวเธอมาได้ในการต่อสู้ ต่อมาเขาและอาเนียเข้าศึกษาในโรงเรียนแอชฟอร์ดเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของคนทั่วไป

ระหว่างที่คาลเลนถูกคุมขังในโตเกียว จีโน่ได้ไปเยี่ยมเธอและถามเธอว่าถ้ากลับบริแทนเนียได้จะยอมใช้นามสกุลสแทดท์เฟลด์รึเปล่า เขาได้รับคำตอบจากปากของเธอเมื่อเธอเป็นอิสระและเข้าร่วมในการรบ เธอยืนยันว่าเธอจะใช้นามสกุลโคซึกิ และถามกลับว่าดีใจหรือเสียใจที่ได้พบกันอีกครั้งในสนามรบ เขาจึงตอบกลับไปว่าดีใจ เขาถามสุซาคุว่าจะปล่อยให้เขาดวลกับคาลเลนได้ไหมแต่สุซาคุยืนกรานว่าจะไม่ให้เขาดวลกับเธอเด็ดขาดเพราะไม่ใช่คนที่จะเอาชนะได้ง่าย ๆ เมื่อชไนล์เซลวางแผนที่จะลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิเขาถูกจับเป็นนักโทษทำให้ไม่สามารถขัดขวางได้ ต่อมาหลังจากที่ลูลูซขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ์เขาได้เข้าร่วมการต่อต้านอำนาจของลูลูซ สุซาคุทำให้ทริสตันพังจนใช้การไม่ได้และไว้ชีวิตจีโน่ เขาจึงถามตัวเขาเองว่าเขาจะสู้เพื่ออะไรถ้าเขาต้องสู้กับประเทศของตนทั้งที่เคยให้สัตย์สาบานว่าจะปกป้องประเทศ หลังจากภาคีอัศวินดำเข้าร่วมกับชไนล์เซลตามคำสั่งโค่นอำนาจของลูลูซ จีโน่เข้าใจถึงเป้าหมายของตนและบอกกับคาลเลนว่าเขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้วเล็กน้อย เขาเข้าต่อสู้กับสุซาคุ เขาปฏิเสธบริแทนเนียโฉมหน้าใหม่และยุติมิตรภาพ แต่ผลการต่อสู้ก็คือเขาแพ้ ในการโจมตีครั้งสุดท้ายเขาทำให้เกราะของป้อมเดอมอคลีสมีช่องว่างเปิดออกทำให้คาลเลนสามารถบินเข้ามาสู้ได้ หลังจากที่คาลเลนสามารถเอาชนะสุซาคุได้ เธอก็หมดสติทำให้ไม่สามารถคุมกุเร็นได้จีโน่จึงนำทริสตันบินไปรับเธอขณะที่เครื่องกำลังตก หลังการรบเขาถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในฐานะกบฏต่อลูลูซและได้รับการช่วยเหลือหลังจากที่ลูลูซถูกลอบสังหาร ในท้ายสุดจีโน่ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพที่ฉายภาพร่วมกับจักรพรรดินีเทียนจื่อซึ่งอยู่ในห้องของคาลเลนและภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตาที่แขวนในร้านเหล้าของทามากิโดยยืนอยู่ข้างคาลเลน

โดโรเธีย แอนร์สท

โดโรเธีย แอนร์สท (ญี่ปุ่น: ドロテア・エルンスト โรมาจิDorotea Erunsuto) ตำแหน่งไนท์ออฟโฟว์ เธอผิวสีคล้ำและมีผมสีดำ กล่าวกันว่าเธอมีความกล้าหาญและสง่าเหมือนกับบิสมาร์ค เธอเข้าร่วมกับบิสมาร์คและไนท์ออฟราวด์คนอื่น ๆ ที่ยังเหลือรอดอยู่ในการโค่นอำนาจของลูลูซ แต่เธอถูกฆ่าก่อนเป็นคนแรกโดยสุซาคุที่ขับแลนสลอตอัลเบี้ยน เธอไม่เคยได้โชว์ไนท์แมร์ของเธอเลยและขณะที่ถูกฆ่าก็ได้ขับเพียงแค่ซุทเทอร์แลนด์เท่านั้น

อาเนีย อัลสไตร์ม

อาเนีย อัลสไตร์ม (Anya Alstrathaim) เป็นตำแหน่งไนท์ออฟซิกส์ เป็นไนท์ออฟราวนด์ที่อายุน้อยที่สุด ดูท่าทางไม่ค่อยให้ความสนใจอะไรมากนัก ไม่ชอบแสดงอารมณ์ แต่มักจะพกโทรศัพท์มือถือไว้ติดตัวเสมอ ชอบอัปเดตบล็อกและถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือ ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องในอดีตบางอย่างปิดบังเอาไว้อยู่ เมื่อความจริงได้ถูกเปิดเผยว่า เธอถูกมารีแอนแม่ของลูลูชใช้พลังกีอัสเข้าสิงจิตใจของเธอหลังจากที่ถูกสังหาร แต่หลังมาเรียแอนตายไป ความทรงจำที่ผ่านมาในช่วงที่มาเรียแอนสิงอยู่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นเธอได้เข้าร่วมกลุ่มภาคีอัศวินดำต่อต้านลูลูช เธอได้ปะทะกับเจราเมียอย่างดุเดือดแต่สุดท้ายอาเนียแพ้ หลังการรบเธอถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในฐานะกบฏต่อลูลูซและได้รับการช่วยเหลือหลังจากที่ลูลูซถูกลอบสังหาร หลังจากนั้นเธอได้ทำงานสวนส้มร่วมกับเจราเมีย

โนเนต เอนเนียแกรม

โนเนต เอนเนียแกรม (ญี่ปุ่น: ノネット・エニアグラム โรมาจิNonetto Eniaguramu) ตำแหน่งไนท์ออฟไนล์ในไนท์ออฟราวด์ เรียนจบโรงเรียนทหารเดียวกับองค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย โดยเป็นรุ่นพี่ของคอร์เนเลีย เธอเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะร่าเริงเฮฮา และเป็นคนที่คอร์เนเลียยำเกรงมากที่สุด ชื่อต้นของชื่อกับนามสกุลของเธอขึ้นต้นด้วยภาษาลาติน (โน) กับภาษากรีก (เอนเนีย) ซึ่งล้วนแปลว่าเก้า ปรากฏตัวครั้งแรกในวิดีโอเกมส์โค้ดกีอัสลอสคัลเลอร์ของเครื่องพีเอสพี/เพลย์สเตชันทู นอกเหนือจากไนท์ออฟราวด์คนอื่น ๆ แล้วเธอไม่ได้ปรากฏตัวเลยในแอนิเมชันและปรากฏตัวแต่ในสื่ออื่นเท่านั้น

ลูเซียโน่ แบรดลีย์

ชายผมสีส้มแถบสีแดงได้ฉายาว่า แวมไพร์แห่งบริแทนเนียเป็นไนท์ออฟเท็น

โมนิกา ครุเชฟสกี้

โมนิกา ครุเชฟสกี้ (ญี่ปุ่น: モニカ・クルシェフスキー โรมาจิMonika Kurushefusukī) ตำแหน่งไนท์ออฟทเวล เธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูดีมีตระกูลมีผมสีบลอนด์แต่ลักษณะดังกล่าวไม่สามารถบอกได้ว่าเธอมีความสามารถขนาดไหน เธอประจำอยู่ที่สะพานยานธงของจักรพรรดิ ยานเกรตบริแทนเนีย ระหว่างการโจมตีที่คามิเนจิม่าจักรพรรดิปล่อยให้อยู่กับชไนล์เซลและภาคีอัศวินดำ เธอถูกฆ่าโดยสุซาคุที่ขับแลนสลอตอัลเบี้ยนระหว่างการรวมกำลังบุกโค่นอำนาจของลูลูซ ขณะที่ถูกฆ่าก็ได้ขับเพียงแค่ซุทเทอร์แลนด์เท่านั้น เธอไม่เคยได้โชว์ไนท์แมร์ของเธอเลย

กองทัพบริแทนเนีย

กองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก กองดังกล่าวเป็นกองกำลังที่เป็นศัตรูหลักของซีรีส์นี้ แบ่งเป็นกองกำลังภาคพื้นดินหลายร้อยกอง, ไนท์แมร์เฟรม, ยานรบและที่พิเศษที่สุดก็คือหน่วยอัศวิน ซีโร่มีความมุ่งมั่นมากที่จะกำจัดกองกำลังนี้รวมทั้งฝ่ายวิจัยทางทหาร มีตัวละครหลายคนมาจากกลุ่มคนเหล่านี้

อันเดรียส ดาร์ลตัน

อันเดรียส ดาร์ลตัน (ญี่ปุ่น: アンドレアス・ダールトン โรมาจิAndoreasu Dāruton) เป็นที่ปรึกษาและทหารใต้บังคับบัญชาขององค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย ดาร์ลตันเป็นคนที่ตัวสูงมาก บนใบหน้าเขามีแผลเป็นรอยบาก เขาไม่สนใจเรื่องเกี่ยวกับชาติพันธุ์ของทหารในกองทัพปริททานเนีย เห็นได้ชัดจากสายตาของดาร์ลตันที่เห็นว่าสุซาคุเป็นบุคคลที่เท่าเทียมกันทหารทุกคนในกองทัพ และส่งเสริมสุซาคุให้ได้เป็นถึงอัศวินส่วนพระองค์ของยูเฟย์เมียร์แม้จะมีชาติกำเนิดเป็นชาวญี่ปุ่นก็ตามที ต่อมาเขาถูกควบคุมโดยกีอัสของลูลูซเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนจับคอร์เนเลีย ระหว่างศึกโตเกียวดาร์ลตันทำให้ไนท์แมร์เฟรมของคอร์เนเลียใช้การไม่ได้และถูกฆ่าปืนใหญ่ฮาดรอนของกาเวน ในโค้ดกีอัสฟิคเจอร์บุ๊ค 8.75 ปรากฏว่าดาร์ลตันได้รับบุตรบุญธรรมไว้หลายคนและ 5 คนได้เป็นกลาสตันไนท์

กิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด

กิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด (ญี่ปุ่น: ギルバート・G・P・ギルフォード โรมาจิGirubāto. G. P. Girufōdo) ชายผอมสูงผมสีดำเข้ม ถูกขนานนามว่าเป็นถึง "ทวนแห่งจักรวรรดิ" เป็นที่ปรึกษาและอัศวินพิทักษ์ส่วนพระองค์ขององค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย และเป็นผู้บัญชาการหน่วยกลาสตันไนท์ เดิมทีขับหุ่นโกวเซสเตอร์แล้วเปลี่ยนมาใช้วินเซนต์ที่พัฒนากว่าในซีซั่น 2

กิลฟอร์ดปรากฏตัวครั้งแรกในช่วงต้นซีซั่นแรกช่วงที่เจเรเมีย กอทวอลด์โดนลดขั้นตำแหน่ง ในตอนท้ายเขาเป็นคนช่วยระงับความไม่สงบในเหตุการณ์ Black Rebellion ลงได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยกลาสตันไนท์ หลังจากคอร์เนเลียหายสาบสูญไปในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว เขายังคงอยู่ที่ Area 11 และเฝ้าคอยการกลับมาของคอร์เนเลีย ต่อมาผู้ว่าการคาราเลสถูกฆ่าตายในซีซั่น 2 กิลฟอร์ดได้ทำหน้าที่แทนชั่วคราวก่อนนันนาลี่จะมารับตำแหน่งแทน ระหว่างการรบที่ญี่ปุ่นลูลูซได้ใช้กีอัสกับกิลฟอร์ดทำให้เชื่อว่าเขาเป็นคอร์เนเลียและเปลี่ยนเขาให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกัน กิลฟอร์ดได้เสียสละชีวิตผลักลูลูซ (ขณะที่เข้าใจว่าเป็นคอร์เนเลีย) ออกนอกรัศมีการระเบิดของระเบิดเฟรย่าและบอกเขาให้มีชีวิตต่อไป ในตอนที่ 24 ปรากฏว่ากิลฟอร์ดรอดชีวิตมาได้แต่ต้องใส่แว่นตาสีดำและถือไม้เท้า ในเวลาต่อมาเขาปรากฏตัวอยู่ในรูปถ่ายงานแต่งงานของวิเลตตากับคานาเมะ โอกิโดยยืนอยู่ข้างคอร์เนเลีย

กลาสตันไนท์

ชื่อของหน่วยมาจากชื่อเขากลาสตันบรีในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ กลาสตันไนท์เป็นหน่วยนักบินไนท์แมร์เฟรมที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษอยู่ภายใต้การบัญชาของกิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด มี 5 คนซึ่งเป็นลูกของอันเดรียส ดาร์ลตันทั้งหมด ได้แก่ อัลเฟรด จี ดาร์ลตัน (ผมสีบลอนด์),บาร์ท แอล ดาร์ลตัน (ผมสีดำ),ครูดิโอ เอส ดาร์ลตัน (ผมสีน้ำตาล),เดวิด ที ดาร์ลตัน (ผมสีแดง) และเอ็ดก้า เอ็น ดาร์ลตัน (ผมสีเทา) ทุกคนแต่งเครื่องแบบสีแดงและสวมไวเซอร์ (หน้ากาก) ที่ประกอบขึ้นมาเหมือนกับหน้าตาของหุ่นโกวเซสเตอร์ เดิมทีกลาสตันไนท์ขับหุ่นโกวเซสเตอร์ที่ติดระบบมิสไซล์แต่ได้เปลี่ยนมาใช้หุ่นกาเร็ทซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่าในช่วงการบุกญี่ปุ่นของภาคีอัศวินดำ

กลาสตันไนท์ได้ถูกแนะนำในตอนที่ 21 ซึ่งมาจากแผ่นดินแม่และปราบปรามพวกภาคีอัศวินดำระหว่างเหตุการณ์ไม่สงบในตอนท้ายซีซั่นแรก ในซีซั่น 2 อัลเฟรดกับบาร์ทถูกฆ่าในระหว่างเหตุการ์ชิงตัวนักโทษโดยภาคีอัศวินดำ หุ่นโกวเซสเตอร์ของบาร์ทถูกฐานทัพเคลื่อนที่ G-1 ทับขณะเดียวกับที่คาลเลนฆ่าอัลเฟรด เดวิดกับเอ็ดก้าถูกฆ่าในระหว่างการรบในศึกโตเกียวครั้งที่ 2 โดยชิบะ (ด้วยความช่วยเหลือของคาลเลน) และโทโด ครูดิโดหนีรอดจากการระเบิดของระเบิดเฟรย่ามาได้และเป็นคนเดียวในหน่วยที่ยังมีชีวิตอยู่

คานอน มัลดินิ

วิเลตตา นู

ทหารบริแทนเนียระดับอัศวิน เป็นผู้หญิงผิวคล้ำผมสีเทาสังกัดกลุ่ม"เลือดบริสุทธิ์" โดยใกล้ชิดกับ เจเรเมียอย่างมาก และ มักติดตามเขาไปเรื่องงานเสมอระหว่างการต่อสู้ที่ชินจูกุ เธอพบกับลูลุชหลังได้รับกีอัส และ ถูกสั่งให้มอบไนท์แมร์ให้ภายหลังเมื่อกลุ่มนี้สุญเสียอำนาจและความไว้วางใจไปเนื่องจากปล่อยตัว สุซาคุ ทำให้เจเรเมีย และวิเลตตาดิ้นรนหาทางแก้ตัวโดยพยายามสืบตัวจริงของซีโร่จากความทรงจำที่เธอพบลูลุชก่อนถูกชิงไนท์แมร์ โดยมุ่งเข้าทางเชอร์ลีย์ จนสาวถึงตัวจริงของซีโร่ว่าคือลูลุชสำเร็จ แต่ที่กำลังดีใจวิเลตต้าก็ถูกเชอร์ลีย์ยิงด้วยปืนบาดเจ็บตกน้ำไป ต่อมาโอกิได้พบตัวแล้ว ได้ยินวิเลตต้าพูดถึงตัวจริงของซีโร่ ก็ได้พากลับไปที่ห้องเพื่อหวังจะรีดข้อมูลเรื่องซีโร่ แต่โอกิก็ไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ ซ้ำยังเกิดชอบวิเลตต้าอีก โดยที่วิเลตต้าที่ขณะสูญเสียความทรงจำก็ชอบโอกิเช่นกัน ถึงกับบอกเขาว่า เธอจะยอมเป็นอิเลเว่นด้วยกันกับโอกิก็ได้ แต่เมื่อภายหลังที่ซีโร่ก่อแบล็ค รีเบลเลี่ยนขึ้น วิเลตต้าก็ได้สติคืนด้วยการช๊อคจากชาวญี่ปุ่นที่บุกเข้ามาจะทำร้ายเธอ เพราะ ความโกรธแค้นบริแทนเนีย วิเลตต้าได้เข้าไปพบกับโอกิ อีกครั้งแล้วยิงเขาบาดเจ็บ ในซีซั่นที่ 2 เพราะความดีความชอบที่รู้ตัวจริงของซีโร่เธอจึงได้ยศบารอนในบริแทนเนียและสังกัดหน่วยข่าวกรองลับซึงขึ้นตรงกับจักรพรรดิ รับหน้าที่สังเกตการณ์ลูลุชในโรงเรียนแอชฟอร์ดด้วยสถานะครูพละ ขณะทำหน้าที่นี้ เธอได้เป็นครูประจำชมรมว่ายน้ำและมักจะมีเรื่องดุว่าเชอร์ลีย์บ่อยๆเนื่องด้วยความโกรธที่เคยถูกยิง เมื่อลูลูชรู้ว่าเธอเคยอยู่กับโอกิจึงชักชวนให้เธอมาเข้าร่วมกลุ่มภาคีอัศวินดำโดยใช้เรื่องโอกิมาขู่ว่า“หากเปิดเผยความสัมพันธ์กับโอกิยศที่อุตส่าห์ได้มาก็จะหายไป มาเกิดเป็นคนใหม่ไหมล่ะ”ทำให้เธอต้องเข้าร่วมอย่างไม่เต็มใจ และในตอนจบเธอก็แต่งงานกับโอกิแล้วก็มีลูกด้วยกัน

คลีเวล โซเรสิ

คลีเวล โซเรสิ (ญี่ปุ่น: キューエル・ソレーシー โรมาจิKyūeru Sorēshī) นายทหารกองทัพบริแทนเนีย คลีเวลเป็นคนกลุ่มเลือดบริสุทธิ์เข้าข้างเจเรเมียที่ทำให้คุรุรุกิ สุซาคุเป็นแพะรับบาปในคดีสังหารองค์ชายโครวิส เมื่อเจเรเมียปล่อยให้คุรุรุกิ สุซาคุหนีไปกับซีโร่ได้ เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มเลือดบริสุทธิ์และพยายามฆ่าเจเรเมียแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกฆ่าโดยคาลเลนในศึกนาริตะ เขามีน้องสาวชื่อมาริก้า (ญี่ปุ่น: マリーカ โรมาจิMarīka) ซึ่งเป็นหนึ่งในนักบินหน่วยวาลคิรี่ในซีซั่น 2 สื่งที่เหมือนกับคลีเวลคือเธอก็ถูกคาลเลนฆ่าตายเช่นกัน

หน่วยวิจัยบริแทนเนีย "คาเมล็อต"

ลอยด์ แอสพรุนด์

เป็นขุนนางแห่งบริแทนเนียโดยมีบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ล และเป็นหัวหน้าทีมวิจัยวิทยาศาสตร์คาเมล็อท ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาไนท์แมร์เฟรม แลนซาลอท ลอยด์ใช้ชีวิตอยู่กับวิทยาศาสตร์และมองมนุษย์เป็นเหมือนเครื่องมืออุปกรณ์เท่านั้น รัคชาตะมักจะเรียกเขาว่า "ลอร์ดพุดดิ้ง" ซึ่งเป็นของหวานของโปรดของลอยด์

ในซีซั่นแรก เขาเป็นคู่หมั้นของมิเลย์ แอชฟอร์ด เขาถูกสุซาคุบังคับให้ทำตัวดีๆกับเธอ แต่ถูกถอนหมั้นภายหลังจากมิเลย์จบการศึกษา เนื่องจากเธออยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง ส่วนหนึ่งเพราะคำพูดของนีน่า ที่บอกว่าเธอเป็นคนทำอะไรไม่จริงจัง อยากแต่งงานเพื่อหวังให้ตำแหน่งขุนนางกลับมา ซึ่งหลังจากลอยด์รับทราบเรื่อง เขาเพียงแค่หัวเราะ แต่เซซิลผู้ช่วยของเขาบอกว่านั้นเป็นเพียงแค่การกลบเกลื่อนความรู้สึก

เซซิล ครูมมี่

ภาคีกีอัส

ภาคีกีอัสเดิมทีมาจากกลุ่มบุคคลที่บูชาและประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับกีอัส ปัจจุบันเป็นกลุ่มลับที่ศึกษาวิจัยและฝึกผู้ใช้กีอัส สถาณที่ที่ตั้งอยู่เป็นที่สุดท้ายอยู่ที่เขตแผ่นดินสหพันธ์จีนโดยเป็นเมืองใต้ดินขนาดใหญ๋หรือที่เรียกว่ากรมกีอัส ปัจจุบันอยู่ภายใต้อำนาจของวีทู สันนิษฐานว่ากลุ่มดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของบริแทนเนีย

วีทู

รัฐบาล Area 11

อลิเซีย โลเมเยอร์

ใกล้เคียง

ภาคีอัศวินดำ ภาคีอังกฤษ-รัสเซีย ภาคีนกฟีนิกซ์ ภาษีอากรในประเทศไทย ภาคอิรวดี ภาษีอากรในประเทศออสเตรเลีย ภาคบอรีชัล ภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสภา ภาคอิสาน ภาษีอากรในประเทศเยอรมนี