เมนูนำทาง
ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง นวัตกรรมหนังเงียบ ในนาม กรุงเทพภาพยนตร์บริษัท / หนังศรีกรุง / หนังหลวงกล
โชคสองชั้น (2470) หนังเงียบฝีมือคนไทยเรื่องแรก
ผู้ประพันธ์
หลวงบุณยมานพพานิชย์ (อรุณ บุณยมานพ) เจ้าของนาม "แสงทอง"
ผู้กำกับการแสดง
หลวงอนุรักษ์รัถการ (เปล่ง สุขวิริยะ)
ผู้ถ่ายภาพ
หลวงกลการเจนจิต (เภา วสุวัต)
ตัวแสดง
มานพ ประภารักษ์ ,ม.ล.สุดจิตร์ อิศรางกูร และ หลวงภรตกรรมโกศล
หนังพูด ในนาม หนังเสียงศรีกรุง แบบวสุวัต
โรงถ่ายสะพานขาว หรือโรงโถงกลางสนามในลานบ้านวสุวัต ย่านสะพานขาวติดถนนกรุงเกษม ภายในกั้นเป็น 3 ห้องบุฝาเซ็ลโลเท็กซ์เก็บเสียงสะท้อน ใช้เป็นฉากภายในเรื่อง หลงทาง (2474) ได้แก่ ฉากห้องกินข้าว ,ห้องนอนของพระเอก และ ห้องรับแขกใหญ่ของเพื่อนพระเอก
ผู้ประพันธ์ และ กำกับการแสดง
ขุนวิจิตรมาตรา /กาญจนาคพันธุ์ (หลงทาง ,ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ,เลือดทหารไทย )
ตัวแสดง
แม่น ชลานุเคราะห์ ,ศรี ,วาสนา ทองศรี ,ชื่นใจ ,ปลั่ง ชูเทศะ และ ชลัช อัลบูรณ์ (หลงทาง )
เสน่ห์ นิลพันธ์ ,ปลอบ ผลาชีวะ ,มณี มุญจนานนท์ และ องุ่น เครือพันธ์ (ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ )
ร.อ.ม.ล.ขาบ กุญชร ,จมื่นมานิตย์นเรศ ,ร.ท.เขียน ธีมากร และ จำรุ กรรณสูตร (เลือดทหารไทย )
หนังพูด ในนาม บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง จำกัด - โรงถ่ายบางกะปิ สร้างปีละ 2-3 เรื่อง รวม 17 เรื่อง [3]ยุคทองของกิจการ มีดารานักแสดงในสังกัดและ ดารายอดนิยม มานี - จำรัส คู่แรกของวงการหนังไทย
ปลายปี พ.ศ. 2476 ทีมงานซื้อที่ดินผืนใหญ่สุดถนนสายปากน้ำ (ใกล้ ร.ร.วัฒนาวิทยาลัย) เตรียมสร้างโรงถ่ายภาพยนตร์ (Studio)
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2477 เริ่มสร้างโรงถ่ายภาพยนตร์พูด เสียงศรีกรุง ที่ทุ่งบางกะปิ จนเสร็จสมบูรณ์ก่อนปลายปีเดียวกัน (ทันใช้ถ่ายทำฉากเพลงปิดกล้อง เรื่อง เลือดทหารไทย )
เมื่อแรกเปิดโรงถ่าย ได้ประกาศรับนักแสดง มีผู้สนใจสมัคร หญิงราว 400 คนเศษ และชาย อีก 1,000 คนเศษ
สตูดิโอเป็นตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาโค้ง (เข้าถนนอโศกไปราว 50 เมตรจากถนนสุขุมวิท ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสถานีสุขุมวิท ของรถไฟฟ้าใต้ดิน) เขียนแปลนและก่อสร้างโดย บริษัทคริสเตียนนีแอนด์เนียลเสน ติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัย วางระเบียบตามแบบโรงถ่ายฮอลลีวู้ด แบ่งเป็นแผนกพร้อมเจ้าหน้าที่ประจำ แผนกอำนวยการ มานิต วสุวัต (ผู้อำนวยการทั่วไป) เชื้อ อินทรทูต ฯลฯ แผนกกล้อง หลวงกลการเจนจิต (เภา วสุวัต) ,ศรีสุข - พอใจ วสุวัต (ช่างกล้อง) ,ศรีสุข - เชื้อ (เสมียนจดบันทึก) แผนกแสง หลวงกลการเจนจิต แผนกเสียง กระเศียร วสุวัต แผนกอัดจานเสียง กระเศียร วสุวัต แผนกล้างและพิมพ์ กระเศียร วสุวัต ,ประจวบ อมาตยกุล แผนกลำดับภาพ กระเศียร วสุวัต แผนกเครื่องแต่งกาย นิตชลอ - อุ่นจิต วสุวัต แผนกฉาก แนม สุวรรณแพทย์ แผนกดนตรี เรือโทมานิต เสนะวีณิน (คนแรก),นารถ ถาวรบุตร (คนถัดมา) ,จำรัส รวยนิรันดร์ แผนกธุรการทั่วไป (รวมกับ แผนกโฆษณา) กระแส วสุวัต ,ผัน นาคสุวรรณ โดยมี ขุนวิจิตรมาตรา /กาญจนาคพันธุ์ เป็นที่ปรึกษาทั่วไป นอกจากผู้ประพันธ์เรื่องและคำร้องเพลงประกอบ
ขุนวิจิตรมาตรา (เพลงหวานใจ )
หลวงอนุรักษ์รัถการ (เมืองแม่หม้าย ,กลัวเมีย ,หลอกเมีย )
หลวงกลการเจนจิต (แก่นกะลาสี )
ศรีสุข วสุวัต กับ เชื้อ อินทรทูต (เลือดชาวนา )
ผัน นาคสุวรรณ (เลือดชนบท )
จวงจันทร์ จันทร์คณา /พรานบูรพ์ (ในสวนรัก ,อ้ายค่อม ,ค่ายบางระจัน ,ไม่เคยรัก )
ขุนวิจิตรมาตรา (เพลงหวานใจ )
หลวงอนุรักษ์รัถการ (พญาน้อยชมตลาด ,เมืองแม่หม้าย ,กลัวเมีย ,หลอกเมีย )
ศรีสุข วสุวัต กับ เชื้อ อินทรทูต (เลือดชาวนา )
หลวงกลการเจนจิต กับ พอใจ วสุวัต (แก่นกะลาสี )[4]
หลวงกลการเจนจิต (เลือดชนบท )[5]
จวงจันทร์ จันทร์คณา /พรานบูรพ์ (ในสวนรัก ,อ้ายค่อม ,ค่ายบางระจัน ,ไม่เคยรัก )
หลวงพรตกรรมโกศล /มงคล สุมนนัฎ (พญาน้อยชมตลาด ,แก่นกะลาสี )
มานี สุมนนัฎ (พญาน้อยชมตลาด ,เมืองแม่หม้าย ,กลัวเมีย ,เพลงหวานใจ ,หลอกเมีย )
เขียน ไกรกุล (กลัวเมีย )
ประมวล รัศมิทัต ,นัยนา วาณีวัฒน์ ,เชิญ ศิวเสน ,สมยศ ทัศนพันธ์ ,สวัสดิ์ วิธีเทศ (เพลงหวานใจ )
เกษม มิลินทจินดา (เมืองแม่หม้าย ,แก่นกะลาสี ,เพลงหวานใจ ,หวานใจนายเรือ )
จำรัส สุวคนธ์ (เลือดชาวนา ,กลัวเมีย ,เพลงหวานใจ ,หลอกเมีย ,ในสวนรัก ,ไม่เคยรัก ,น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง )
ปลอบ ผลาชีวะ ,ราศรี เพ็ญงาม ,บังอร อินทุโสภณ (เลือดชาวนา )
ชั้น ไชยนันท์ (เลือดชนบท )
เบ็ญจา รัตนกุล (เลือดชนบท ,อ้ายค่อม,ไม่เคยรัก )
ทองคำ มาติน (เพลงหวานใจ ,ตื่นเขย )
สายสนม วีรานุวัต ,จิตรา สุมนนัฏ (หลอกเมีย )
จุรี รัตนหัตถ์ (หวานใจนายเรือ )
เลิศล้วน อมาตยกุล , วาสนา สุวรรณทัต (ตื่นเขย )
สมพงษ์ จันทรประภา (อ้ายค่อม,ค่ายบางระจัน ,แผลเก่า )
นรา พานิชพัฒน์ (ในสวนรัก ,น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง )
เจือ จักษุรักษ์ ,ไพพรรณ บูรณพิมพ์ (ค่ายบางระจัน )
ฯลฯ
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง พักงานสร้างหนังพูด แล้วปรับปรุงโรงถ่ายเป็นโรงภาพยนตร์ชั้นสอง ตั้งแต่ พ.ศ. 2493 ฉายหนังฝรั่งชั้นนำที่เพิ่งออกจากโรงใหญ่ เสียงในฟิล์ม[6]มีผู้ชมขาประจำทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อาศัยในย่านซอยอโศกและใกล้เคียงตลอดมา หนังดังที่ฉายในช่วง พ.ศ. 2506 - 2507 ไม่นานก่อนเลิกโรงหนัง เช่น 55 วันในปักกิ่ง (55 Days at Peking) ,แม่ยอดดวงยิหวา (What a Way to Go!) ฯลฯ เพื่อทำเป็นโรงถ่ายเตรียมสร้างหนังเสียงอีกครั้ง รวมทั้งรับงานบันทึกเทป 1/4" และ 1/2" กับทำแผ่นเสียงไวนิลขนาด 4",7"และ 12" ในนาม บริษัทแผ่นเสียงศรีกรุง จำกัด [7]
หนังพูด สีธรรมชาติ ในนาม ศรีกรุงภาพยนตร์ รวม 3 เรื่อง ขณะที่วงการกำลังนิยมทำหนังสโคป เสียงพากย์ในฟิล์ม โดยมี ชายชาญ วสุวัต เป็นผู้อำนวยการสร้าง และ มานิต วสุวัต เป็นที่ปรึกษา
ขุนวิจิตรมาตรา (กลัวเมีย )
สมบัติ เมทะนี - รุจน์ รณภพ (ในสวนรัก )
ประกอบ แก้วประเสริฐ (หัวใจมีตีน )
สมบัติ เมทะนี (กลัวเมีย ,ในสวนรัก )
อรัญญา นามวงศ์ (กลัวเมีย ,ในสวนรัก )
สุคนธ์ทิพย์ เสนะวงศ์ (หัวใจมีตีน )
เมตตา รุ่งรัตน์ (ในสวนรัก ,หัวใจมีตีน )
ไพโรจน์ ใจสิงห์ (หัวใจมีตีน )
ฯลฯ
ยุติงานสร้างหนังอีกครั้ง เหลือเพียงบริษัทแผ่นเสียง ต่อมาถึง พ.ศ. 2518 และเลิกกิจการถาวรเมื่อความนิยมลดลงในยุคแถบเสียงตลับ (Casette) กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ แทนที่แผ่นไวนิล
ปัจจุบันหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม สร้างโรงถ่ายบางกะปิจำลอง ภายในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์หนังไทย เปิดเข้าชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เมนูนำทาง
ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง นวัตกรรมใกล้เคียง
ภาพยนตร์ ภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์ลามก ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร ภาพยนตร์ศึกษา ภาพยนตร์โลดโผน ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง ภาพยนตร์ญี่ปุ่น ภาพยนตร์สั้น มาสค์ไรเดอร์เซเบอร์ นักดาบฟินิกส์กับสมุดแห่งหายนะ ภาพยนตร์ในประเทศกัมพูชาแหล่งที่มา
WikiPedia: ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง