ประวัติ ของ ภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน

ค.ศ. 2012

ในการกล่าวสุนทรพจน์เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 หนึ่งวันหลังจากที่ขยายภารกิจ ฮิลเด เอฟ. จอห์นสัน ได้กล่าวในจูบาเกี่ยวกับความก้าวหน้าของภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน[5] จอห์นสันได้กล่าวถึงการคุ้มครองภารกิจของพลเรือนและการจัดทำเอกสารรวมถึงการตรวจสอบเหตุการณ์ เขายังกล่าวถึงการโจมตีชาวนูเออร์ในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 2012 ที่รัฐจงเลย โดยปฏิบัติการของภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน ต่อการปรับใช้กองกำลังรักษาสันติภาพและแจ้งเตือนรัฐบาลเซาท์ซูดาน อันส่งผลให้ "พลเรือนนับพันชีวิต [กำลัง] ได้รับการช่วยเหลือแล้ว" ตลอดจนความคืบหน้าในด้านต่าง ๆ เช่น การควบคุมดูแล, ความเทียงธรรม และระบอบประชาธิปไตย[5]

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 เฮลิคอปเตอร์พลเรือนของภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดานได้ถูกยิงตกในรัฐจงเลย มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดห้าคน ซึ่งนับรวมลูกเรือชาวรัสเซียสี่คนบนเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกฆ่าตาย[19]

ค.ศ. 2013

ทหารกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นทำงานในการทำถนนลาดยางในงานวิศวกรรม

เมื่อวันที่ 9 เมษายน กองกำลังภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดานชาวอินเดียห้าคนและพนักงานพลเรือนสหประชาชาติเจ็ดคน (เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติสองคนและผู้รับเหมาอีกห้าคน) ได้ถูกสังหารจากการซุ่มโจมตีของกบฏ[20] ที่รัฐจงเลยในขณะที่กำลังคุ้มกันขบวนสหประชาชาติระหว่างพีบอร์และบอร์[21] ผู้ปฏิบัติงานสหประชาชาติอีกเก้าคน ทั้งทหารและพลเรือน ได้รับบาดเจ็บและบางส่วนยังคงสูญหายไป[22] พลเรือนสี่รายที่ถูกสังหารเป็นผู้รับเหมาชาวเคนยาที่ทำงานเจาะหลุมเจาะน้ำ[23] หนึ่งในทหารที่เสียชีวิตเป็นทหารยศพันโท และหนึ่งในผู้บาดเจ็บเป็นทหารยศร้อยเอก[24] ตามที่โฆษกกองทัพเซาท์ซูดานเผย ขบวนถูกโจมตีโดยกองกำลังกบฏของเดวิด เยา เยา ที่พวกเขาเชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซูดาน[22] ฝ่ายภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดานกล่าวว่าบุคคลติดอาวุธ 200 คนมีส่วนร่วมในการโจมตี และขบวนของพวกเขาได้รับการคุ้มกันโดยกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติชาวอินเดีย 32 คน[22] ส่วนผู้โจมตีมีการติดตั้งระเบิดซึ่งขับเคลื่อนด้วยจรวด[23]

โฆษกของสหประชาชาติกล่าวว่าการต่อต้านอย่างรุนแรงจากกองกำลังรักษาสันติภาพของอินเดียทำให้กลุ่มกบฏถอนกำลังและช่วยชีวิตพลเรือนได้เป็นจำนวนมาก[22] เลขาธิการสหประชาชาติ พัน กี-มุน เรียกว่าการฆ่าเป็นอาชญากรรมสงคราม และเรียกร้องให้นำผู้กระทำผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม[25] ส่วนผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ แอนโทนี แบนบิวรี ยกย่องความกล้าหาญของทหารอินเดีย[26] และนายกรัฐมนตรีอินเดีย มันโมหัน สิงห์ ได้จ่ายเงินบรรณาการของเขาให้แก่ "ทหารผู้กล้าหาญ"[27] บุคลากรของกองทัพบกอินเดียประมาณ 2,200 คนได้รับการเคลื่อนกำลังพลสู่ประเทศเซาท์ซูดาน ในฐานะส่วนหนึ่งของภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน[28]

ความพยายามรัฐประหาร

การต่อสู้ที่แผ่ขยายเป็นผลมาจากความพยายามรัฐประหารในประเทศเซาท์ซูดาน ค.ศ. 2013 ที่นำมาสู่การเสียชีวิตของผู้รักษาสันติภาพของอินเดียสองราย ขณะที่ทหารอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่อาโคโบ รัฐจงเลย ในวันที่ 19 ธันวาคม[29] ส่วนวันที่ 24 ธันวาคม คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ลงคะแนนให้มีกองกำลังเกือบสองเท่าของที่มีอยู่จำนวน 7,600 คนในภารกิจนี้ ร่วมกับกองกำลังอีกประมาณ 6,000 คนที่จะมีการเพิ่ม[30]

เลขาธิการสหประชาชาติได้แสดงความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ถึงกรณีที่พนักงานขององค์การสหประชาชาติถูกคุกคามจากบอดีการ์ดติดอาวุธของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศอาวุโส ที่ต้องการเข้าสู่ค่ายภารกิจของสหประชาชาติซึ่งพลเรือนใช้เป็นที่หลบภัย[31] หลังจากเหตุการณ์นี้ ประธานาธิบดี ซัลวา กีร์ กล่าวหาว่าสหประชาชาติปกป้องกองกำลังฝ่ายค้านติดอาวุธในภารกิจของสหประชาชาติ ซึ่งสหประชาชาติได้ปฏิเสธ ซัลวา กีร์ ยังกล่าวหาอีกว่าองค์การสหประชาชาติพยายามเข้าควบคุมตำแหน่งผู้นำของเขา[32][33]

ค.ศ. 2014

ในวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2014 มีผู้เสียชีวิต 58 รายและบาดเจ็บอย่างน้อย 100 คนเมื่อกลุ่มติดอาวุธบุกเข้าโจมตีฐานทัพสหประชาชาติในเมืองบอร์[34][35][36] ผู้คนจำนวนมากที่แกล้งทำเป็นว่าพวกเขากำลังเยี่ยมชมฐานเพื่อนำเสนอความสงบสุขได้เปิดฉากยิงใส่พลเรือนจำนวน 5,000 คนที่พักพิงในฐานทัพสหประชาชาติ[37] ในบรรดาผู้เสียชีวิต 48 คนเป็นพลเรือนในขณะที่ 10 คนเป็นผู้โจมตี ความรุนแรงสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างชนเผ่าดินคา และนูเออร์[36] โดยก่อนการโจมตี ฝูงชนท้องถิ่นดินคา ได้เรียกร้องให้ผู้ลี้ภัยชาวนูเออร์จำนวนนับพันในค่ายพักแรมย้ายไปที่อื่น[36]

เลขาธิการสหประชาชาติ พัน กี-มุน กล่าวย้ำว่าการโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเป็น "อาชญากรรมสงคราม"[34] ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้แสดงความคิดต่อการโจมตีว่าเป็น "การกระทำที่โหดเหี้ยม" โดยกล่าวว่า:[38][39]

สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแสดงความไม่พอใจในการโจมตีครั้งล่าสุดโดยกลุ่มติดอาวุธในเซาท์ซูดาน ที่กำหนดเป้าหมายไปที่พลเรือนอย่างจงใจเช่นเดียวกับที่ตั้งภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน (UNMISS) รวมทั้งบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่โจมตีประสมภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน ที่เมืองบอร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงผู้ที่แสวงหาที่พักพิงและการคุ้มครองของสหประชาชาติ และการโจมตีเมื่อวันที่ 14 เมษายนในเมืองเบนติวกับรัฐยูนิตีสเตต

สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงประณามการกระทำเหล่านี้อย่างรุนแรง และเน้นย้ำว่าการโจมตีพลเรือนรวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประชาชาติอาจเป็นอาชญากรรมสงคราม

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014 ประเทศเวียดนามได้เข้าร่วมภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน ในฐานะภารกิจรักษาสันติภาพเป็นครั้งแรก โดยการส่งเจ้าหน้าที่จากกองทัพประชาชนเวียดนาม[40]

ค.ศ. 2015

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจในการรายงานเรื่องสิทธิมนุษยชน ภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดานได้เผยแพร่รายงานเมื่อกลางปี ค.ศ. 2015 ในข้อกล่าวหาเรื่องความรุนแรงโดยกองทัพปลดแอกประชาชนซูดาน (SPLA) และกลุ่มติดอาวุธที่เกี่ยวข้องในรัฐยูนิตีสเตต รายงานดังกล่าวอ้างถึงพยานในเรื่องการลักพาตัว, การข่มขืน รวมถึงผู้คนถูกฆ่าและเผาทั้งเป็นในที่อยู่อาศัย[41]

ภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดานยังคงดิ้นรนเพื่อรับมือกับประชากรจำนวนมากของผู้พลัดถิ่นภายในที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 'ปฏิบัติการเพื่อพิทักษ์พลเรือน' (PoC) ในปี ค.ศ. 2015 ภารกิจดังกล่าวถูกกล่าวหาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2015 ของความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ปฏิบัติการเพื่อพิทักษ์พลเรือนเบนทิว ระหว่างการขยายตัวของพื้นที่ซึ่งนำโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน[42]

ค.ศ. 2016

พัน กี-มุน ขอให้มีการสอบสวนอิสระเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังพล หลังจากรายงานว่าเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม กองทหารเซาท์ซูดานอาละวาดผ่านเมืองหลวง โดยสังหารและข่มขืนพลเรือนรวมถึงเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือต่างประเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากสามวันของการต่อสู้ระหว่างทหารที่ภักดีต่อประธานาธิบดี ซัลวา กีร์ กับทหารที่เข้าข้างกับอดีตรองประธานาธิบดี รีค มาชาร์ ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 300 คน และจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประชาชาติสองคน ภายใต้การนำโดย แปทริค กอมมาร์ท การสอบสวนพบว่ากองกำลังประสบความระส่ำระสายและการขาดภาวะผู้นำ พัน กี-มุน ร้องขอเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่าพลโท จอห์นสัน โมกัว คิมานี ออนดีกี ผู้บัญชาการกองทัพเคนยา จะถูกเปลี่ยนคนโดยเร็วที่สุด[43] วันรุ่งขึ้น กระทรวงการต่างประเทศเคนยากล่าวหาว่าสหประชาชาติใช้ออนดีกีเป็นแพะรับบาป และประกาศว่าจะถอนกองกำลังทั้งหมดออกจากประเทศเซาท์ซูดาน[44]

หัวหน้าภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน เอลเลน มาร์เกรธ ลอจ เสร็จภารกิจเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2016 และได้รับการแทนที่โดยเดวิด เชียเรอร์[45]

ค.ศ. 2017

เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของญี่ปุ่นออกจากประเทศเซาท์ซูดาน โดยสิ้นสุดห้าปีของการมอบอำนาจภายใต้ภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน[46] การถอนดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 2017 ตามด้วยการถอนสองครั้งในเดือนพฤษภาคม โดยหัวหน้าคณะรัฐมนตรีซูงะปฏิเสธว่าเกิดจากปัญหาด้านความปลอดภัย[47]

ใกล้เคียง

ภารกิจรัก ภารกิจล้างพันธุ์นรก ภารกิจอัลบานี ภารกิจรักกระชากเรตติ้ง ภารกิจโหด แฝงตัวโค่นเจ้าพ่อ ภารกิจแอบจิ๊กตัวแม่บนดาวมฤตยู ภารกิจชิคาโก ภารกิจรักครั้งสุดท้าย ภารกิจแซตเทิร์น-อะพอลโล 1 ภารกิจลับ...ภารกิจรัก

แหล่งที่มา

WikiPedia: ภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน http://www.defence.gov.au/Operations/SouthSudan/de... http://www.aljazeera.com/news/2016/11/kenya-withdr... http://www.aljazeera.com/news/africa/2013/04/20134... http://www.aljazeera.com/video/africa/2013/12/clon... http://www.businessdailyafrica.com/Gunmen-kill-4-K... http://www.firstpost.com/world/bodies-of-five-mart... http://abcnews.go.com/US/wireStory/58-killed-attac... http://zeenews.india.com/news/nation/un-resolution... http://articles.timesofindia.indiatimes.com/2013-0... http://www.instagram.com/unmissmedia