ประวัติ ของ ภูมิจิต

ออกแสดงครั้งแรกวันที่ 25 พฤษภาคม 2545 ที่หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเพลงแรกของภูมิจิตที่เล่นสดนั้นคือเพลง "เหนื่อยไหมคนดีมีพี่เป็นแฟน" ของไมค์ ภิรมพร

หลังจากตั้งวงได้ไม่นาน วงภูมิจิตส่งเพลงไปในช่วง "แจ้งเกิดดาราลูกทุ่ง" ของคลื่น AM ย่านความถี่ 103 ด้วยเพลงคือ "เอนท์ไม่ติด" (คือเพลง "แอ๊ดมิชชั่นไม่ติด..." ในปัจจุบัน) และ "มากมายก่ายกอง"

ผลงานชิ้นแรกเป็นซิงเกิลชื่อ "มากมายก่ายกอง (Different People)" ผลิตออกมาเป็นจำนวนจำกัด เพียง 30 แผ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545 ในงาน แฟตเฟสติวัล ครั้งที่ 2 -อิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว

และเริ่มมีชื่อเสียงในกลุ่มผู้ฟังจำนวนหนึ่ง เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2546 หลังจากการแสดงคอนเสิร์ต "Live in A Day 1st" จัดโดยนิตยสาร อะเดย์ เป็นงานที่นำศิลปินหน้าใหม่ที่ผ่านการออดิชั่น จากทางนิตยสาร มาเล่นในงานมา

จัดเป็นโชว์ที่มีเวทีพร้อม ซึ่งเป็นเวทีแจ้งเกิดของศิลปินหน้าใหม่จำนวนมาก เช่น Playground, Scrubb, Monotone Group

ไม่กี่เดือนต่อมา พุฒิยศ จึงทำการชักชวนเพื่อนต่างวงที่เล่นในงาน "Live in a day ครั้งที่ 1" มาจัดคอนเสิร์ทที่ชื่อ "โคตรอินดี้" ในวันที่ 16 สิงหาคม 2546 ที่โรงหนังนิวแหลมทอง ถ. เยาวราช และมีเรื่องชกต่อย ตามสไตร์ชาว ROCK กับ นักเลงจีน คาดว่าเป็นจีนแดงจากแผ่นดินใหญ่ สุดท้ายโดนตำรวจซิวไปเปรียบเทียบปรับ หมดไปคนละ 500 บาท ต้องขอบริจาคเงินแฟนเพลงและคนผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเพื่อหารถกลับบ้าน

พ.ศ. 2547 มีนักดนตรีเข้ามาร่วมวง แทนที่สองตำแหน่ง คือ อาสนัย ในตำแหน่งมือกลอง จากวง แสงระวี และ นัทธิ์ ตำแหน่งมือเบส จากวง หมอนวด.com เพราะ ฉันทวัช และ ชานนท์ ต้องไปทำงานเป็นวิศวกร

พ.ศ. 2548 กลุ่มดนตรี โคตรอินดี้ ที่พุฒิยศร่วมก่อตั้งขึ้น ได้มีโอกาสออกงานรวมเพลงของทางกลุ่ม ในชุด "โคตรอินดี้" (Code Indy) ซึ่งภูมิจิตได้ส่งเพลง "รอผล Ent'" ออกกับทางสังกัด แบล็คชีพ ในเครือ โซนี่ มิวสิก บีอีซี-เทโร แต่ไม่ได้รับการตอบรับมากนัก ก่อนที่วงจะถูกพัก เนื่องจากไม่มีตังค์ทำอัลบั้ม

ปี พ.ศ. 2549 หลังจากที่ทางวงได้หาสังกัด แต่ไม่ลงตัวเสียที ทางวงจึงตัดสินใจบันทึกเสียงอัลบั้มเอง ที่สตูดิโอซอยลาดพร้าว 87 หลังจากที่บันเสียงเสร็จ ทางวงกลับไม่มีทุนมากพอที่จะมิกซ์ดาว-มาสเตอร์ริงและปั้มแผ่น จึงได้ออกขายเสื้อภูมิจิตรุ่นพิเศษ ใส่แล้วรวย (เทียบเท่าเหรียญหลวงพ่อชื่อดัง วัดจานบิน) เพื่อนำเงินมาทำอัลบั้มที่ค้างคาอยู่ให้เสร็จ พร้อมแนบเอกสารในการอธิบายวัตถุประสงค์ของการทำเสื้อขายอันเป็นวัตถุมงคล แนบมาด้วย

สาสน์ของการขายเสื้อตัวนี้ตกไปถึงอิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา นักร้องนำ/นักแต่งเพลง/มือกีต้าร์ วงพาราด็อกซ์ จึงได้เริ่มทำงานกับสังกัด "ตาต้า สตูดิโอ"

ปีเดียวกัน ทางวงได้ออกผลงานสองซิงเกิ้ลใส่ไว้ในอัลบั้มรวมศิลปินของสังกัด ตาต้า สตูดิโอ ในชื่อว่า "Tata Tomorrow" ซึ่งภูมิจิตได้ส่งเพลง "New World OH YEHHHHH" และ "แฮ๊งแต่เช้า" โดยแรงบันดาลใจมาจากการเสพสมุนไพรจำพวกปอกะบิด

หลังการออกอัลบั้มรวมเพลงชุดนี้ นัทธิ์ มือเบส ได้ลาออกจากวง ทางวงก็ได้ ธิตินันท์ มือเบสจาก วง Peanuty เข้ามาแทนในตำแหน่งนี้ และร่วมบันทึกเสียงในอัลบั้มเต็มของวงอีกด้วย

ภูมิจิต เป็นศิลปินในสังกัด ตาต้า สตูดิโอ ของอิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา นักร้องนำ, นักแต่งเพลง, มือกีต้าร์ วงพาราด็อกซ์ มีผลงานเพลงอัลบั้มแรกชื่อ "found and Lost" วางจำหน่ายวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ซึ่งอัลบั้มนี้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีมากมาย แต่ตัวเพลงกลับได้รับความนิยมในวงแคบๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กกลุ่มเล็กๆ ในมหาวิทยาลัยต่างๆจนสร้างแฟนเพลงกลุ่มๆ เล็กที่หลายๆ คนสร้างงานศิลปปะต่อยอดจากดนตรีของภูมิจิต เช่นภาพยนตร์สั้น หนังสือ

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ทางวงได้มีคอนเสิร์ทใหญ่ครั้งแรก ที่สถาบันปรีดี พนมยงค์, ซอยทองหล่อ กับการแสดงโชว์ความยาว 2 ชั่วโมงเต็ม โดยมีแฟนเพลงจำนวนมากซื้อบัตรคอนเสิร์ตเข้าชม และขายบัตรในระยะเวลา 1 วัน

และอีกสัปดาห์ต่อมา ภูมิจิตได้เล่นเวที แฟตเฟสติวัล ครั้งที่ 8 ซึ่งหลายๆคนยกให้โชว์ของภูมิจิตเป็นโชว์ที่เร้าใจที่สุดในงานแฟตครั้งนั้นด้วยจำนวนคนดู เหยียบ 10,000,000 คน เต็มความจุของเวที โซนด้านนอกอาคาร เรียกว่า วงรุ่นใหญ่ ในเวทีแฟตระดับ ไมเคิล แจกสัน ยังสู้ไม่ได้ OMG

แต่เมื่อถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2552 ความไม่ประสบความสำเร็จในได้ยอดขาย ทำให้วงภูมิจิต หายจากวงการดนตรีไปเงียบๆพุฒไปเป็นวิศวกร กานต์เป็นผู้ช่วยช่างภาพ แม็ค ไปเล่นดนตรีกับวงซุปเปอร์กลาสเซส ที่กำลังไปได้สวย และบอมกลับไปเป็นอะนิเมเตอร์

เดือนสิงหาคมงาม Fat Radio จัดงานซานมิเกล มิวซิกเฟส ทริบิววงพราววงดนตรีภูมิจิตได้รับเลือกให้เล่นเปิดให้วงในตำนานอย่างพราว ทำให้วงดนตรีภุมิจิตกลับมารวมตัวกันอีกครั้งพร้อมด้วยเพลงใหม่ๆที่พุฒเริ่มเขียนขณะที่ทำงานประจำโดยเพลงของพราวที่เลือกมาเล่นคือเพลง "เส้นสลึง" ขณะเดียวกันก็เริ่มทำเพลงใหม่ที่ชื่อ "Uniform" ได้แรงบันดาลใจจาก หนัง AV ญี่ปุ่น เล่นครั้งแรกในงานเดียวกัน

จากนั้นจึงเริ่มวางโครงการจะทำอัลบั้มใหม่โดยแรกๆเรียกอัลบั้มนี้ว่า "sex machine" ก่อนจะเปลี่ยนเป็น "erotic rock" และ "Bangkok Fever" สนองนโยบายรัฐบาลในเวลาต่อมาโดย พุฒ เป็นคนวางคอนเซปให้เป็นอัลบั้มมหากาพของมนุษย์เงินเดือนที่ปล่าวเปลี่ยวหัวใจ โดยมีดนตรี Rock ยุค 80-00 ผสมกับดนตรีลูกทุ่งหมอลำและดนตรีพื้นบ้าน โดยกานต์ มือกีตาร์วงถึงขั้นไปศึกษาเครื่องดนตรีอีสานที่เรียกว่า "พิน" แล้วนำกลับมาใช้เล่นกับกีตาร์

อัลบั้มเริ่มบันทึกเสียงตั้งแต่ปลายปี 52 โดยได้กัล วงซุปเปอร์ซับมาเป็นวิศวกรเสียง และบันทึกเสียงเสร็จช่วงเดือน ก.ย. 53 และเริ่มทำงานกับ Lemon Factory ในฐานะ PR และ การจัดการ

ช่วงเวลาบันทึกเสียงถือเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก เพราะพุฒต้องออกจากงานมาเพื่อบันทึกเสียงให้เสร็จ ส่วนกานต์มือกีตาร์ก็วางแผนจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษทำให้มีช่วงเวลาที่จำกันในการทำงานมากแต่สุดท้ายก็สามารถทำอัลบั้มให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดได้

ขณะนี้วงดนตรีภูมิจิตได้วางจำหน่ายอัลบั้มชุดที่ 2 ไปแล้วเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ในงาน "แฟตเฟสติวัล ครั้งที่ 10" โดยมีชื่ออัลบั้มว่า "Bangkok Fever"

ในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน 2555 วงภูมิจิตได้มีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สองที่มีชื่อว่า "Live in Bangkok Fever" ณ หอประชุม เอยูเอ ราชดำริ โดยคอนเสิร์ตนี้ทางวงได้นำบทเพลงทุกเพลงของวงไปเล่นทั้งหมด พร้อมแขกรับเชิญพิเศษมากมาย อาทิเช่น ต้า พาราด็อกซ์, วงบลูส์บาร์, วงซูเปอร์ซับ, อ๋อง ไปส่งกู บขส. ดู๊ เป็นต้น โดยภาพยนตร์สารคดีที่ถ่ายทำในช่วงคอนเสิร์ดดังกล่าวที่มีชื่อว่า "Poomjit Life in Bangkok Fever" ได้นำออกฉา ในงาน Happening @ House ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ปีเดียวกัน ณ โรงภาพยนตร์เฮาส์ อาร์ซีเอ และจะเป็นส่วนหนึ่งของดีวีดีคอนเสิร์ตดังกล่าวด้วย