ตำนานช่างตัดผมและคนทำพายเนื้อคน ของ มนุษย์กินคน

ที่ประเทศฝรั่งเศส ณ กรุงปารีส มีเรื่องเล่าว่า ในศตวรรษที่ 14 ณ ถนนคนเดินแห่งหนึ่งบริเวณใกล้โบสถ์มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส เป็นที่แหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ มีที่พักสวยๆ และมีพายอร่อยๆ แต่มีเรื่องได้เกิดขึ้นเมื่อมีสุนัยตัวหนึ่งมาเห่าที่หน้าร้านตัดผมแห่งหนึ่งซึ่งมีร้านเบเกอรี่ติดอยู่ใกล้กัน สุนัขตัวนั้นได้เห่านานหลายชั่วโมงจนผู้คนแถวนั้นเกิดความสงสัย ปรากฏว่าสุนัขตัวนั้นเป็นของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอได้บอกว่า สามีของเธอซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขและเป็นนักท่องเที่ยวได้หายตัวไป 3 วัน เธอได้ออกตามหาจนกระทั่งสุนัขได้มาเห่าหอนที่หน้าร้านตัดผมแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปสอบถามเจ้าของร้านตัดผม เจ้าของร้านได้ปฏิเสธว่า ไม่มีนักท่องเที่ยวคนนั้นมาใช้บริการร้านตัดผมของตนเลย แต่คำให้การของเจ้าของร้านกลับมีพิรุธจึงได้ทำการตรวจค้นโดยมีหมายศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตกตะลึงเมื่อพบโครงกระดูกจำนวนมากอยู่ในห้องใต้ดินซึ่งเชื่อมต่อกับร้านเบเกอรี่ด้วย เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนเจ้าของร้านตัดผมอย่างหนักจนยอมรับสารภาพว่า เขาได้ฆ่าเหล่านักท่องเที่ยวเหล่านั้นที่มาใช้บริการร้านตัดผมของตน เจ้าของร้านตัดผมได้ใช้มีดโกนหนวดปาดคอเหยื่อจนตายแล้วนำศพโยนลงไปในห้องใต้ดินแล้วเจ้าของร้านเบเกอรี่ผู้สมรู้ร่วมคิดที่อยู่ในห้องใต้ดินก็จะนำศพมาทำแปรรูปเป็นไส้พายเนื้อแล้วนำไปจำหน่ายขายให้กับผู้คนสัญจรและนักท่องเที่ยวซึ่งผู้ที่ซื้อและกินพายนั้นได้พูดปากต่อปากว่าเป็นพายเนื้อที่อร่อยที่สุดกว่าพายเนื้อไหนๆและติดใจมากจนต้องซื้อเพิ่มไปกินโดยไม่ได้เอะใจสักนิดเลย ทั้งคู่ได้ทำอย่างนี้มา 3 ปีเต็มซึ่งจากการขายพายเนื้อนั้นทำให้ทั้งคู่มีฐานะดี หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินประหารชีวิตโดยให้เผาไฟทั้งเป็น ทางการฝรั่งเศสได้สั่งให้รื้อถอนและทำลายร้านตัดผมและร้านเบเกอรี่นี้ทิ้งไปเพื่อป้องกันไม่ให้มหานครปารีสต้องเสื่อมเสีย เวลาผ่านไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 19 ได้มีการสร้างตึกใหม่ทับบริเวณแห่งนั้นโดยที่ตำนานสยองขวัญยังคงอยู่อย่างตราบนานเท่านาน เรื่องราวของช่างตัดและคนทำพายเนื้อคนได้ถูกนำไปสร้างเป็นนิยายและภาพยนตร์อย่างสวีนนีย์ ท็อดด์ บาร์เบอร์หฤโหดแห่งฟลีทสตรีท