ประวัติ ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏ

ประตูทางเข้าวิทยาลัยครูเชียงใหม่ในอดีต (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่)

ยุคโรงเรียนฝึกหัด

มหาวิทยาลัยราชภัฏมีพัฒนามาจาก "โรงเรียนฝึกหัด" อาทิเช่น โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์, โรงเรียนฝึกหัดครูประจำมณฑล โดยก่อเกิดดังนี้

หลักจากมีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑลแล้ว ทำให้โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑล จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตร จังหวัด" และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "โรงเรียนฝึกหัดครู(ต่อท้ายด้วยจังหวัดที่ตั้ง)" พร้อมขยายการก่อตั้งโรงเรียนออกไปยังภูมิภาคมากขึ้น

ยุควิทยาลัยครู

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกฐานะ โรงเรียนฝึกหัดครู เป็น "วิทยาลัยครู"  พร้อมกับเปิดสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ. สูง) และหลักสูตรปริญญาตรีของสภาการฝึกหัดครู โดยกำหนดในพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ 2518 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 เป็นต้นมา

ให้วิทยาลัยครูเป็นสถาบันอุดมศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนนักศึกษาถึงระดับปริญญาตรีในสาขาครุศาสตร์ หลักสูตรของสภาการฝึกหัดครู

– พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ. 2518

โดยมีวิทยาลัยครู จำนวน 17 แห่ง ได้แก่[5]

  • วิทยาลัยครูจันทรเกษม กรุงเทพมหานคร
  • วิทยาลัยครูเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
  • วิทยาลัยครูเทพสตรี จังหวัดลพบุรี
  • วิทยาลัยครูนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
  • วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
  • วิทยาลัยครูนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
  • วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร
  • วิทยาลัยครูพระนคร กรุงเทพมหานคร
  • วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • วิทยาลัยครูพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก
  • วิทยาลัยครูมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม
  • วิทยาลัยครูยะลา จังหวัดยะลา
  • วิทยาลัยครูสงขลา จังหวัดสงขลา
  • วิทยาลัยครูสวนดุสิต กรุงเทพมหานคร
  • วิทยาลัยครูสวนสุนันทา กรุงเทพมหานคร
  • วิทยาลัยครูอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
  • วิทยาลัยครูอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

ยุคนามพระราชทาน "สถาบันราชภัฏ"

ในเวลาต่อมา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535[6] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “สถาบันราชภัฏ” ให้กับวิทยาลัยครูทั่วประเทศ จึงมีผลทำให้วิทยาลัยครู เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น สถาบันราชภัฏตั้งบัดนัน ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวราชภัฏเป็นล้นพ้นด้วยทรงพระเมตตา ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ พระราชทานพระราชลัญจกรประจำพระองค์ให้เป็น “สัญลักษณ์ประจำสถาบันราชภัฏ” นับเป็นมหาสิริมงคลอันควรที่ชาวราชภัฏทั้งมวลจักได้ภาคภูมิใจ และพร้อมใจกันปฏิบัติหน้าที่สนองพระมหากรุณาธิคุณให้เต็มความสามารถในอันที่จะพัฒนาสถาบันราชภัฏให้เป็น สถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนา ท้องถิ่น มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการวิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ปรับปรุง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี ทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ผลิตครูและส่งเสริมวิทยฐานะครู[7] และทำให้สถาบันราชภัฏ เปิดทำการสอนในาขาวิชาอื่นๆ นอกจากสาขาการศึกษาตั้งแต่นั้นมา

ยุคปฏิรูปการศึกษา

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2540 นายสุขวิช รังสิตพลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ได้อนุมัติให้จัดตั้งสถาบันราชภัฏเพิ่มขึ้นจำนวน 5 แห่งตามโครงการ 1 ใน 5 โครงการสถาบันราชภัฏเพิ่มในระยะแรก โดยได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการและกระจายโอกาสทางการศึกษาของประชากรในระดับภูมิภาค ได้แก่

  1. สถาบันราชภัฏชัยภูมิ
  2. สถาบันราชภัฏศรีสะเกษ
  3. สถาบันราชภัฏนครพนม 
  4. สถาบันราชภัฏกาฬสินธุ์ 
  5. สถาบันราชภัฏร้อยเอ็ด

ยุคมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น

วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2547[8] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ส่งผลให้สถาบันราชภัฏทั่วประเทศ ได้รับการยกฐานะและปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา และมีภารกิจและปณิธานตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547[9]

มาตรา 7 “ให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่เสริมสร้างพลังปัญญาของแผ่นดิน ฟื้นฟูพลังการเรียนรู้ เชิดชูภูมิปัญญาของท้องถิ่น สร้างสรรค์ ศิลปวิทยา เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนของปวงชน มีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษาการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล และยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการสอน วิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ปรับปรุง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี ทะนุบำรุง ศิลปะและวัฒนธรรม ผลิตครูและส่งเสริมวิทยฐานะครู”

– พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547

ใกล้เคียง

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

แหล่งที่มา

WikiPedia: มหาวิทยาลัยราชภัฏ http://news.sanook.com/education/education_39732.p... http://www.cmru.ac.th/web51/history.php http://www.nrru.ac.th/index.php/nrru/general-infor... http://www.pnru.ac.th/newmenu.php?bid=19 http://www.udru.ac.th/index.php/about-udru/udru-hi... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/0AA/001... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2518/A/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2538/A/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2548/00... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/...