มหาสฟิงซ์แห่งทานิส เป็นรูป
สฟิงซ์แกะสลักจาก
หินแกรนิต ซึ่งอาจจะสร้างขึ้นในช่วงต้นของศตวรรษที่ 26 ก่อนคริสตกาล โดยถูกค้นพบในซากปรักหักพังของวิหารแห่ง
อามุน-
ราในเมือง
ทานิส ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ
อียิปต์โบราณในช่วง
ราชวงศ์ที่ยี่สิบเอ็ดและ
ราชวงศ์ที่ยี่สิบสาม แต่มหาสฟิงซ์ถูกสร้างก่อนหน้าช่วงเวลาดังกล่าวไปนานมาก และได้มีการถกเถียงกันว่า มหาสฟิงซ์นี้น่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วง
ราชวงศ์ที่สี่ ไม่ก็
ราชวงศ์ที่สิบสองแห่งอียิปต์
[1] สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ของจารึกดั้งเดิมคือส่วนที่ได้กล่าวถึงฟาโรห์
อเมนเอมฮัตที่ 2 (ราชวงศ์ที่สิบสอง), ฟาโรห์
เมอร์เนพทาห์ (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) และฟาโรห์
โชเชงค์ที่ 1 (ราชวงศ์ที่ยี่สิบสอง)
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ได้รับมหาสฟิงซ์มาไว้ในการดูแลในปี ค.ศ. 1826 โดยเดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของชุดสะสมศิลปะอียิปต์ชุดที่สองของ
เฮนรี ซอลต์ ซึ่งซื้อมาในนามของรัฐบาลฝรั่งเศสโดย
ฌ็อง-ฟร็องซัว ช็องปอลียง ซึ่งในตอนแรกมีแผนจะวางมหาสฟิงซ์ไว้กลางแจ้งที่ศูนย์กลางของ
คูร์ การ์เร[2] แต่ไม่ได้ดำเนินการอย่างใด แทนที่จะเป็นเช่นนั้น มหาสฟิงซ์ก็ถูกจัดแสดงในลานภายในของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็เรียกว่า คูร์ ดู สแฟงซ์ ในระหว่างปี ค.ศ. 1828 จนถึง ค.ศ. 1848
[3] และเมื่อย้ายมหาสฟิงซ์ไปยังที่ห้องแกลลอรีอองรีที่ 5 ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นห้องประติมากรรมหลักของแผนกอียิปต์ในพิพิธภัณฑ์ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1930 มหาสฟิงซ์ก็ถูกย้ายไปยังตำแหน่งปัจจุบันในห้องใต้ดินที่สร้างโดยอัลแบรต์ เฟอแรน สถาปนิกของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เพื่อเชื่อมต่อสองส่วนของปีกด้านใต้ของคูร์ การ์เร