คุณค่าทางอาหาร ของ มันฝรั่ง

มันฝรั่งเป็นพืชที่สามารถให้ผลผลิตเร็ว ถึงแม้จะปลูกในพื้นที่ขนาดเล็ก ๆ มันก็ให้ผลผลิตเท่ากับข้าวที่ขึ้นในพื้นที่ที่มากกว่าถึง 2 เท่า มันทนสภาพดินฟ้าอากาศได้ทั้งร้อนและหนาว จึงทำให้สามารถขึ้นได้ดีบนพื้นที่ในบริเวณเทือกเขาแอนดิส ที่สูง 12,000 ฟุต และสถานที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เช่น ในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ นักโภชนาการรู้ว่า โปรตีนที่ได้จากมันฝรั่งมีคุณภาพดีกว่าโปรตีนที่ได้จากพืชอื่น ๆ เช่น ถั่วลิสง มันฝรั่ง 100 กรัม ให้พลังงาน 85 แคลอรี และ 99.9% ของผลผลิตไม่มีไขมัน นอกจากนี้มันฝรั่งยังมีธาตุแคลเซียม โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ไอโอดีน แมกนีเซียม กรดโฟลิก และวิตามิน ซี, บี-1 และบี-2 อีกทั้งยังพบว่าการที่กัปตันเรือในสมัยก่อนนิยมขนมันฝรั่งไปด้วยในการเดินทางไกล สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพื่อป้องกันกัปตันและลูกเรือมิให้เป็นโรคเลือดออกตามไรฟันนั่นเอง การที่มันฝรั่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเช่นนี้ นักโภชนาการจึงมีความเชื่อว่าหากใครต้องตกอยู่บนเกาะร้าง และเขามีมันฝรั่งจะปลูก เขาจะไม่มีวันอดอาหารตาย

เมื่อ 6,000 ปีก่อนคริสตกาล ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณเทือกเขาแอนดิสปลูกมันฝรั่งเป็นอาหาร ชาวอินคา บริโภคมันฝรั่งเป็นอาหารหลัก โดยนำมันมาตากแดดให้แห้งแล้วบด ให้ละเอียดเป็นแป้ง เซอร์จอห์น ฮอว์คิง (John Hawking) เป็นบุคคลแรกที่นำมันฝรั่งมาปลูกครั้งแรกที่ไอร์แลนด์ ในปีพ.ศ. 2108 ชาวสก็อตเคยปฏิเสธไม่ยอมบริโภคมันฝรั่ง เพราะถือว่ามันเป็นผลไม้ปีศาจ จากการที่คัมภีร์ไบเบิลไม่เคยเอ่ยถึงพืชชนิดนี้เลย มาบัดนี้มันฝรั่งเป็นพืชที่เป็นที่รู้จักและยอมรับกันทั่วโลกแล้ว

"ศูนย์วิจัยมันฝรั่งนานาชาติ" (International Center for Potato Research) ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู เป็นสถาบันวิจัยมันฝรั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถาบันแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่และนักวิจัยรวม 600 คน ได้รับเงินงบประมาณปีละ 525 ล้านบาท ทำหน้าที่ค้นหาสายพันธุ์มันฝรั่งชนิดใหม่ ๆ หาวิธีปรับปรุงกระบวนการที่จะทำให้มันฝรั่งให้ผลเร็วขึ้นและมากขึ้น หายาต่อต้านศัตรูที่จะมารบกวน รวมทั้งเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เพื่อช่วยให้มันสามารถเจริญเติบโตในสภาพดินฟ้าอากาศที่ "ไม่ปกติ" อีกด้วย เอช ซานด์สตรา (H. Zandstra) ผู้อำนวยการสถาบันมีความประสงค์จะทำให้มันฝรั่งเป็นพืชของคนยากจนที่อาศัยอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนาทั่วโลก เขายังมีแผนการจะให้สถาบันของเขาเป็นพิพิธภัณฑ์อนุรักษ์สายพันธุ์มันฝรั่งทุกชนิดในโลกอีกด้วย

ในอดีตชนเผ่าอินคาไม่เคยรู้จักยีน (gene) ของมันฝรั่ง แต่เขาก็รู้ว่า หากต้นไม้ที่ให้อาหารหลักแก่พวกเขาไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี มันจะสูญพันธุ์ ดังนั้นเวลามีเทศกาลในนครคูซโค กษัตริย์อินคาจะทรงสวดมนต์อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าให้คุ้มครองมันฝรั่ง