เจิ่น เหละ ซวน (
เวียดนาม: Trần Lệ Xuân; 22 สิงหาคม ค.ศ. 1924 – 24 เมษายน ค.ศ. 2011) เป็นที่รู้จักในนาม
มาดามญู เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง "อย่างไม่เป็นทางการ" ของเวียดนามใต้ช่วง ค.ศ. 1955–1963 เป็นภรรยาของ
โง ดิ่ญ ญู น้องชายและหัวหน้าที่ปรึกษาของ
โง ดิ่ญ เสี่ยม ประธานาธิบดี
ประเทศเวียดนามใต้เจิ่น เหละ ซวน เกิดในครอบครัวชนชั้นสูงใน
ฮานอย ในช่วงที่ตกเป็น
อาณานิคมของฝรั่งเศส ปู่ของเธอทำงานใกล้ชิดกับผู้ปกครองอาณานิคม ส่วนบิดาชื่อ
เจิ่น วัน เจือง สำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากฝรั่งเศส
[1] และดำรงตำแหน่งเลขานุการต่างประเทศคนแรกของดินแดนอินโดจีนในอาณัติของญี่ปุ่น
[2] ส่วนมารดาชื่อเทิน ถิ นาม เจิน เป็นเชื้อพระวงศ์
[3] เธอเข้าเรียนที่วิทยาลัยอาลแบร์ ซาร์โร ซึ่งเป็นโรงเรียน
ภาษาฝรั่งเศสในฮานอย เธอสนใจในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ชอบการขับร้องเพลงบรรยายธรรมชาติป่าเขาของฝรั่งเศส ต่อมาเธอตั้งเป้าประสงค์ในการเรียนนี้เพื่อขจัดความเป็นเวียดนามและทำให้ตนเป็นหญิงสาวชาวฝรั่งเศสที่เพรียบพร้อม
[4] ซึ่งนโยบายของโรงเรียนฝรั่งเศสในเวียดนามคือการอ้างตัวเป็นผู้เจริญแล้ว (คือเป็นอารยะ) มาพัฒนาคนเวียดนามให้เป็น "คนฝรั่งเศสผิวเหลือง" เพราะการเป็นคนเวียดนามนั้นเป็น "อนารยชน" หลังเธอหยุดเรียนและออกจากโรงเรียน เหละ ซวนพูดภาษาฝรั่งเศสในบ้านและเขียนภาษาเวียดนามไม่ได้เลย จนเธอโตขึ้นจึงเริ่มร่างสุนทรพจน์ฝรั่งเศสและแปลออกเป็นภาษาเวียดนาม
[1]ครั้นจำเริญวัยขึ้น มารดาก็แนะนำชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติดีหลายคนแก่เธอ แต่เหละ ซวนชอบ
โง ดิ่ญ ญู ชายผู้มีอายุมากกว่าเธอ 14 ปี และเรียกเธอว่า "หลานสาว" ตามธรรมเนียมเวียดนาม
[5] ทั้งสองหมั้นหมายกันใน ค.ศ. 1940
[6] และสมรสกันใน ค.ศ. 1943 เมื่ออายุได้ 18 ปี
[7] เดิมเคยนับถือ
ศาสนาพุทธนิกาย
มหายาน ก่อนเปลี่ยนไปนับถือ
ศาสนาคริสต์นิกาย
โรมันคาทอลิกหลังการสมรสกับสามี
[6] เธอมีบทบาททางการเมืองอยู่เนือง ๆ หลัง
โง ดิ่ญ เสี่ยม ขึ้นเป็นประธานาธิบดีซึ่งครองโสด และรายล้อมไปด้วยองครักษ์ "มีแต่คนหล่อ ๆ รอบตัวเขา"
[8] เหละ ซวน หรือมาดามญูในฐานะน้องสะใภ้ผู้มีทักษะทางสังคมต่ำ จึงดำรงตำแหน่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอย่างไม่เป็นทางการ
[1][8] เธอมักผสานความเชื่อคาทอลิกที่เธอนับถือกับลัทธิพื้นบ้านเพื่อสร้างเรื่องราวแก่ตนเอง เช่น เธออ้างตัวว่าเป็น
พี่น้องตระกูลจึง ซึ่งเป็นวีรสตรีเวียดนามผู้ต่อต้านการรุกรานของจีน กลับชาติมาเกิด
[1] และโดยเฉพาะในช่วงวิกฤตศาสนาพุทธ มาดามญูเป็นที่รู้จักจากการแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงและไม่เหมาะสมกับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลโดยกลุ่มชาวพุทธหลายครั้ง เช่น "หากพระรูปไหนทำบาร์บีคิวให้เห็นอีก ฉันจะปรบมือให้ พร้อมถวายไฟแช็กและน้ำมันให้" ที่กล่าวถึงกรณีพระ
ทิก กว๋าง ดึ๊ก[9] และ "ช่างน่าอายเสียเหลือเกินที่เห็นคน [ผู้นำชาวพุทธ] ไร้มารยาท อ้างตัวว่าจะเป็นผู้นำ"
[10] แต่หลังโง ดิ่ญ ญู สามี และโง ดิ่ญ เสี่ยม พี่เขย ถูกลอบสังหารใน ค.ศ. 1963 เธอจึงลี้ภัยไป
ประเทศฝรั่งเศส และเสียชีวิตที่
ประเทศอิตาลี[11]