Fingerprinting ของ มิวสิกเบรนซ์

นอกจากการเก็บรวบรวมเมทาดาต้าเกี่ยวกับดนตรีแล้ว MusicBrainz ยังเก็บข้อมูลงานบันทึกเสียงโดย acoustic fingerprint โดยจะต้องใช้โปรแกรมเฉพาะอย่างเช่น MusicBrainz Picard สำหรับการบันทึกและจัดการ

บริการที่ไม่ได้เป็นสาธารณสมบัติ

ในปี 2543 MusicBrainz เริ่มใช้อัลกอริทึม TRM (This Recognizes Music) ซึ่งสร้างขึ้นโดยบริษัท Relatable สำหรับระบุเพลงที่เกี่ยวข้องโดยการจับคู่ acoustic fingerprint ซึ่งคุณสมบัตินี้ดึงดูดให้มีผู้ใช้มากขึ้นและทำให้ฐานข้อมูลขยายขนาดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในปี 2548 TRM แสดงผลผิดพลาดโดยมีการซ้ำซ้อนกันของข้อมูลขณะที่จำนวนของแทร็กดนตรีในฐานข้อมูลขยายขนาดขึ้นกว่าล้านข้อมูล กรณีนี้ถูกแก้ไขในเดือนพฤษภาคม 2549 เมื่อ MusicBrainz ร่วมเป็นพันธมิตรกับ MusicIP (ปัจจุบันคือ AmpliFIND) โดยทำการแทนที่ TRM ด้วย MusicDNS[8] TRM ค่อยๆ ถูกเลิกใช้และถูกแทนที่โดย MusicDNS ในเดือนพฤศจิกายน 2551 ต่อมาในเดือน ตุลาคม 2552 MusicIP ถูกซื้อโดย AmpliFIND[9] ทำให้การเรียกค้นข้อมูลจากบริการ MusicDNS หลังจากนั้นเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในบางครั้ง

AcoustID และ Chromaprint

ตั้งแต่อนาคตของการให้บริการระบุตัวตนที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายมีความไม่แน่นอน จึงได้มีการมองหาบริการที่จะมาทดแทน หนึ่งในนั้นคืออัลกอริทึมสำหรับ acoustic fingerprint ที่ชื่อว่า Chromaprint ซึ่งเป็นพื้นฐานของบริการระบุตัวตนที่ชื่อว่า AcoustID ที่ได้เริ่มใช้งานในปี 2553 โดย Lukáš Lalinský ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมมาอย่างยาวนานในชุมชน MusicBrainz [10] ขณะที่ AcoustID และ Chromaprint ไม่ใช่โครงการที่เป็นทางการของ MusicBrainz แต่ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดและเป็นโอเพนซอร์ซเช่นกัน Chromaprint ทำงานโดยวิเคราะห์สองนาทีแรกของแทร็ก ตรวจสอบระดับของแต่ละโน้ตใน 12 pitch classes และบันทึกในอัตรา 8 ตัวอย่างต่อวินาที หลังจากนั้นข้อมูล fingerprint จะผ่านขั้นตอน post-processing เพิ่มเติมเพื่อบีบอัดข้อมูลที่รูปแบบของแพทเทิร์นเสียงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง [11] AcoustID จะค้นหาเซิฟเวอร์และค้นหา fingerprints จากฐานข้อมูลโดยการเปรียบเทียบและคืนค่าบ่งชี้ AcoustID และข้อมูลบ่งชี้ที่บันทึกไว้ของ MusicBrainz ถ้ามีการตรวจพบ