รูปแบบการประกวด ของ มิสเวิลด์

การประกวดมิสเวิลด์นั้นจะคัดผู้เข้าประกวดที่จะเข้ารอบไม่เท่ากันในแต่ละปี ก่อนหน้านี้จะมีผู้เข้าประกวดเข้ารอบ 20-25 คน ในปี 2017 ได้ปรับเปลี่ยนให้มีผู้เข้าประกวดเข้ารอบเพิ่มเป็น 40 คน โดยจะมีการประกวดรอบฟาสแทร็ก (Fast Track) ซึ่งปัจจุบันประกอบไปด้วย Miss Talent (ความสามารถพิเศษ), Beach Beauty (โชว์หุ่นในชุดว่ายน้ำ), Top Model (ทักษะนางแบบ), Miss Sport (แข่งขันกีฬา) และ Beauty with a purpose (นางงามที่อุทิศตัวเพื่อสังคม) และนำผู้ชนะในฟราสแทร็กรอบนั้นๆ เข้ารอบสุดท้ายโดยทันที และที่เหลือจะคัดเลือกจากผู้ที่มีคะแนนสูงติดอันดับจากการทำกิจกรรมกับกองประกวด(ยกเว้นปี 2004 ใช้การโหวตเข้ารอบ) โดนกองประกวดจะเริ่มจากการประกาศ Semi-finalist แล้วจะประกาศ Finalist จนสัมภาษณ์นางงาม (รูปแบบการแข่งขันจะไม่เหมือน Miss Universe คือไม่มีการเดินรอบชุดว่ายน้ำและชุดราตรี) ซึ่งนางงามจะเข้ารอบหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความชอบของคณะกรรมการและคุณหญิงจูเลีย มอร์ลีย์(ส่วนใหญ่คุณหญิงจูเลียจะเป็นคนตัดสินใจเอง) ซึ่งจะไม่มีคะแนนปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร และประกาศตำแหน่งรองอันดับ 2 รองอันดับ 1 และตำแหน่งมิสเวิลด์ในปีนั้น โดยคุณหญิงจูเลีย มอร์ลีย์ จะเป็นผู้ขึ้นมาประกาศผลด้วยตัวเอง

ฟาสแทร็ก

การประกวดรอบฟราสแทร็กนั้น ได้มีการเริ่มต้นการประกวดตั้งแต่ปี 2003 โดยผู้ที่ได้ตำแหน่งฟราสแทร็กในรอบต่างๆนั้นจะได้สิทธิ์เข้ารอบการประกวดมิสเวิลด์ในปีนั้นทันที โดยฟราสแทร็กที่ใช้ในการประกวดมิสเวิลด์นั้นมีดังต่อไปนี้ [1]

  • มิสทาเลนต์ (ค.ศ. 1978, 2001 – ปัจจุบัน)
  • มิสท็อปโมเดล (ค.ศ. 2004, 2007 – ปัจจุบัน)
  • บิวตี วิธ อะ เพอร์โพส (ค.ศ. 2001 – ปัจจุบัน)
  • มิสสปอร์ต (ค.ศ. 2003 – ปัจจุบัน)
  • มิสพีเพิลชอยส์ (2003, 2008, 2013 – ปัจจุบัน)
  • มิสบีชบิวตี (ค.ศ. 2003 – 2014)