การงาน ของ มิแรนดา_ออตโท

การงานช่วงแรก

บทบาทในภาพยนตร์เรื่องแรกหลังจบการศึกษา เป็นบท เนลล์ ทิสโควิตซ์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Girl Who Came Late ในปี ค.ศ. 1991 ที่ทำให้เธอแจ้งเกิด ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีจากแวดวงภาพยนตร์ออสเตรเลียและสาธารณชน ในภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย เคที มึลเลอร์ เธอรับบทเป็นสาวน้อยที่สามารถสื่อสารกับม้าได้ จากบทบาทนี้ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลีย[7]

บทบาทถัดมาของออตโท ในภาพยนตร์เรื่อง The Last Days of Chez Nous แสดงในบทบาทความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างครอบครัวชาวออสเตรเลีย การแสดงเรื่องนี้ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงจากสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลียเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ในสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม[7] ค.ศ. 1993 ออตโทร่วมแสดงกับโนอาห์ เทย์เลอร์ในภาพยนตร์ตลกแนวยั่วยุทางเพศเรื่อง The Nostradamus Kid เนื้อเรื่องซึ่งสร้างมาจากความทรงจำของผู้ประพันธ์ บ็อบ เอลลิส ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 ที่ออตโทแสดงเรื่องนี้เพราะ "ชื่นชอบในช่วงเวลานั้นและผู้คนที่เปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศ"[8] เธอยังรับบทในภาพยนตร์อิสระเรื่อง Sex Is a Four Letter Word ในปี ค.ศ. 1995[6]

ปี ค.ศ. 1995 เธอเริ่มกังขาในการเลือกอาชีพ เพราะเธอไม่ผ่านการออดิชั่นหลายครั้ง เธอบินกลับบ้านเกิดนิวแคสเซิลเป็นเวลาร่วมปี ระหว่างนั้นเธอเขียนรูปบ้านของแม่เธอ[5] ในปี ค.ศ. 1996 ผู้กำกับ เชอร์ลีย์ แบร์เรตต์ได้เลือกเธอมาแสดงเป็นบริกรสาวขี้อายในภาพยนตร์เรื่อง Love Serenade เธอยังรับบทเป็นดิมิที เฮอร์ลีย์ หญิงสาวที่โดดเดี่ยว ที่ต้องแข่งขันกับพี่สาวของเธอเอง วิกกี-แอนน เพื่อเข้าร่วมกับดีเจชื่อดังจากบริสเบน ต่อมาเธอแสดงในภาพยนตร์ปี ค.ศ. 1997 เรื่อง The Well และ Doing Time for Patsy Cline เมื่อออตโทได้รับบทภาพยนตร์เรื่อง The Well เธอปฏิเสธที่จะอ่านบทเพราะกลัวว่าเธอจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ออตโทเชื่อว่าเธอไม่สามารถรับบทแคเทอร์ลีนได้ เนื่องจากตัวละครมีอายุ 18 ปี ซึ่งตอนนั้นเธออายุ 30 ปีแล้ว ณ ขณะนั้น[5] ภาพยนตร์กำกับโดย ซาแมนทา แลง โดยออตโทรับบทเป็นสาววัยรุ่นซึ่งอยู่ในความสัมพันธ์ที่อัดอัดกับหหญิงแก่ผู้โดดเดี่ยว กระแสตอบรับมีผสมกันไป นักวิจารณ์ พอล ฟิชเชอร์ เขียนว่า การแสดงของออตโท "ไม่ทำให้เชื่อได้" ในบทที่เธอรับบทตัวละครที่ซ้ำซากอีกตัวละครหนึ่ง ทีมีการเปิดเผยเพียงเล็กน้อย" ขณะที่ลุยส์ เคลเลอร์ พูดถึงออตโทว่า "นี่ยังเป็นการแสดงที่ดีที่สุดของเธอ"[9] ออตโทได้รับการเสนอชื่อเป็นครั้งที่ 3 จากสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลียในสาขาภาพยนตร์[7] ปีถัดมา เธอร่วมแสดงกับริชาร์ด รอกซ์เบิร์จในภาพยนตร์แนวนาฏกรรมเรื่อง Doing Time for Patsy Cline ภาพยนตร์ทุนต่ำที่ออตโทต้องแสดงเพลงคันทรี ซึ่งได้รับกระแสตอบรับทั้งบวกและลบ ผสมกันไป[10]

ไม่นานหลังจากการออกฉายของ The Well และ Doing Time for Patsy Cline นิตยสารและสื่อต่าง ๆ ต่างอยากรู้ข้อมูลของเธอ ในปี ค.ศ. 1997 ออตโทเริ่มออกเดตกับริชาร์ด รอกซ์เบิร์จ นักแสดงที่เธอร่วมแสดงใน Doing Time for Patsy Cline ซึ่งทำให้เธอได้ตกเป็นหัวข้อข่าวเป็นประจำในนิตยสารจำพวกแทบลอยด์ของออสเตรเลียและสื่อต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่คุ้นเคยนัก[11]

โครงการต่อไปของออตโทคือแสดงในภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดีเรื่อง Dead Letter Office (1998) เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เธอร่วมแสดงกับพ่อ แบร์รี ออตโท ที่เขามารับบทสั้น ๆ ในเรื่องนี้ ปีถัดมาแสดงในภาพยนตร์เรื่อง In the Winter Dark กำกับโดยเจมส์ โบเกิล รับบทเป็นรอนนี สาวอุ้มท้องที่เพิ่งถูกแฟนหนุ่มทิ้งไป ภาพยนตร์ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีในออสเตรเลีย ออตโทได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลียเป็นครั้งที่สี่[7] เธอยังรับบทเล็ก ๆ ใน The Thin Red Line ซึ่งจะนำเธอสู่การแสดงภาพยนตร์นอกเหนือจากในออสเตรเลีย[7] ดั่งที่เธอแสดงในภาพยนตร์อิตาลี ในภาพยนตร์ทุนต่ำ รับบทเป็น รัท ในภาพยนตร์ La volpe a tre zampe ("The Three-legged Fox") สร้างในปี ค.ศ. 2001 และออกอากาศครั้งแรกทางโทรทัศน์อิตาลีในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2009

ฮอลลีวูด

แหล่งที่มา

WikiPedia: มิแรนดา_ออตโท http://www.smh.com.au/news/arts/family-viewing/200... http://www.smh.com.au/news/film/the-right-stage-of... http://www.theage.com.au/news/film/serene-not-drea... http://www.urbancinefile.com.au/home/view.asp?a=33... http://www.miranda-otto.com/1997hq.php http://www.miranda-otto.com/2003womensweekly.php http://www.rottentomatoes.com/m/10001629-doing_tim... http://www.tolkien-movies.com/words/2000/03-01-00b... https://movies.yahoo.com/movie/contributor/1800010... https://movies.yahoo.com/movie/contributor/1800010...