ประวัติ ของ มีเดีย_ออฟ_มีเดียส์

บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (เดิม บริษัท มีเดีย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด) เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2527 ด้วยทุนจดทะเบียน 200,000 บาท โดยมี ยุวดี บุญครอง เป็นประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการธุรกิจเป็นตัวแทนรับขายเวลาโฆษณาในรายการต่าง ๆ ทางโทรทัศน์เรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2532 ทางบริษัทฯ เริ่มซื้อเวลาจากทางสถานีเข้าดำเนินการผลิตรายการและขายโฆษณาเอง โดยเริ่มจากการนำภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีคุณภาพเข้ามาออกอากาศในรายการ "แผ่นฟิล์มวันศุกร์" ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท. โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา บริษัทฯ จึงได้ก้าวเข้าสู่เป็นผู้ผลิตรายการอย่างเต็มรูปแบบด้วยการผลิตรายการโทรทัศน์เอง โดยเริ่มจากรายการ "เด็ดยอดกีฬามันส์" และรายการ "เจาะโลกมหัศจรรย์" ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 บริษัทฯ ได้กลายเป็นผู้บุกเบิกรายการโทรทัศน์ในภาคเช้า ของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 คือรายการ "บ้านเลขที่ 5" ซึ่งประสบความสำเร็จจนกลายเป็นต้นแบบของรายการภาคเช้า และได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นอย่างสูงอีกด้วย

ทางบริษัทฯ มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นระยะ เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 เป็นต้นไป โดยแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน ภายใต้ชื่อ "บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน)" พร้อมทุนจดทะเบียน 260 ล้านบาท โดยประกอบธุรกิจหลักประเภทจำหน่ายเวลาโฆษณาทางโทรทัศน์ และผลิตรายการโทรทัศน์รูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในช่วงนั้น รายการโทรทัศน์ที่ผลิตโดยบริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ชมทุกเพศทุกวัย ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของบริษัทฯ คือช่วงปี พ.ศ. 2535 – พ.ศ. 2540 โดยเป็นบริษัทที่มีเวลาออกอากาศทางสถานีฟรีทีวีมากที่สุดต่อสัปดาห์ในช่วงนั้น

ต่อมา เมื่อมีการเข้าร่วมทุนของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด เปิดโอกาสให้บริษัทมีเวลาเช่าออกอากาศจากสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 มากขึ้น ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ของบริษัทฯ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องและความสามารถในการดำรงอยู่ของบริษัทอีกต่อไป แต่บริษัทฯ ยังมีความเสี่ยงในเรื่องการต่อสัญญาเช่าโดยช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา รายการของทางบริษัทฯ 3 รายการ ไม่ได้รับการต่อสัญญาเช่าเวลาจากสถานีโทรทัศน์ ทำให้มีผลกระทบต่อรายได้โฆษณาของบริษัทฯ เป็นอย่างสูง ดังนั้นในปี พ.ศ. 2548 ทางบริษัทฯ จึงได้ขยายธุรกิจสื่อให้ครอบคลุมสื่อวีซีดี, สื่อสิ่งพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพื่อขยายฐานรายได้[1]

ในปี พ.ศ. 2549 ทางบริษัทฯ ได้ทำการปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยกลุ่มผู้บริหารระดับสูงชุดใหม่ นำโดย ชาลอต โทณวณิก ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ธงชัย ชั้นเสวิกุล ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เข้ามาบริหารเพื่อกำหนดกลยุทธ์และสร้างผลประกอบการที่ดียิ่งขึ้น โดยพยายามลดต้นทุนการผลิตในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งเน้นการผลิตรายการโทรทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เป็นหลัก[4] จนทำให้บางรายการของบริษัทฯ ที่กำลังออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น ๆ ในขณะนั้น ต้องถูกดูแลโดยบริษัทที่ยุวดีได้ตั้งขึ้นมาใหม่ นั่นคือ บริษัท เอเชีย เทเลวิชัน แอนด์ มีเดีย จำกัด

ทั้งนี้ ในปลายปี พ.ศ. 2552 ทางบริษัทฯ ได้โอนขายทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจสื่อทั้งหมดของบริษัทให้แก่ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีวัตถุประสงค์ที่จะดำเนินการด้านธุรกิจสตูดิโอ โดยได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมี โยธิน บุญดีเจริญ เข้ามารับช่วงกิจการต่อ ส่วนชาลอต เป็นประธานบริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์และสื่อต่าง ๆ จากบริษัทเดิมต่อไป โดยมีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมของตนเองภายใต้ชื่อ "ที แชนแนล", "มีเดีย แชนแนล", "ยู แคมปัส แชนแนล" และ "มีเดีย บูม" อีกด้วย[5] แต่ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 ทางบริษัทฯ ได้ยกเลิกการทำสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ที แชนแนล เนื่องจากผลประกอบการที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และเปลี่ยนมาดำเนินการในรูปแบบการรับจ้างผลิตรายการช่องสถานีลูกทุ่งให้กับบริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทรู วิชั่นส์ เคเบิล จำกัด (มหาชน) โดยยังคงรูปแบบรายการเหมือนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเดิม จนส่งผลกระทบให้ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553 ชาลอตได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด และเปลี่ยนชื่อของบริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจเป็นธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แทน โดยได้โอนสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจในด้านผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งหมดจากบริษัทฯ ให้กับทางบริษัทย่อย นั่นคือ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด และยังคงดำเนินธุรกิจด้านสื่อและการผลิตรายการโทรทัศน์มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน[3]

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้