ประวัติ ของ มุสตาฟาร์

ช่วงแรก

ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นดาวที่อุดมสมบูรณ์ มัสตาฟาร์นั้นเป็นที่ตั้งของที่ประชุมเจไดลับในยุคของสาธารณรัฐกาแลกติก ที่นี่พวกเขาได้ฝึกความสามารถของตนอย่างดีเช่นเดียวกับที่สอนนักเรียนของพวกเขา อาจารย์เจไดผู้หนึ่งนามว่าชูกอน ดาร์มีทักษะของพลังในทางกายภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาได้สร้างสิ่งที่มีความรู้สึกถึงพลังโดยเรียกกันว่าลูกบาศก์ของชูกอน ดาร์ ซึ่งถูกใช้เพื่อเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพของสิ่งของที่ใส่เข้าไปในตัวมัน อย่างไรก็ตามเมื่อพวกซิธทรงพลังพวกเขาก็อยากที่จะกำจัดเจไดและการต่อสู้บนดาวก็เกิดขึ้น การรบครั้งนี้ดุเดือดเสียจนดาวแก๊สยักษ์ที่อยู่ใกล้ถูกดึงเข้ามาที่ตำแหน่งของมุสตาฟาร์ด้วยพลังจนกลายมาเป็นการชักเย่อของแรงดึงดูด สภาพแวดล้อมอันตรายเกิดที่ขึ้นเพราะการดึงกันของแรงดึงดูดได้ทำให้เจไดต้องละทิ้งดาว นั่นทำให้ลูกบาศก์ของชูกอนหายสาบสูญ

มุสตาฟาร์เป็นบ้านของชาวมุสตาฟาร์สองรูปแบบ มุสตาฟาร์เรียนทางทิศเหนือผู้ซึ่งรูปร่างสูงและผอม และมุสตาฟาร์เรียนทางใต้ที่มีรูปร่างเตี้ยและอ้วน หลายศตวรรษที่แล้วการเปลี่ยนแปลงอันรุนแรงได้ทำลายที่อยู่อาศัยของชาวมุสตาฟาร์เรียนจนหมดยกเว้นที่ที่เรียกว่าฟราไลเดจา

สงครามโคลน

อาจารย์เคโนบี เราได้ตัวแพดเม่แล้ว กรุณารีบด้วย เราควรไปจากที่ที่น่ากลัวนี่!— ซีทรีพีโอพูดกับโอบีวัน เคโนบี


เมื่อถึงช่วงเวลาของสงครามโคลนเหล่าสหภาพเทคโนโลยีได้ครอบครองมุสตาฟาร์ตั้งแต่การที่มันถูกพบอีกครั้งเมื่อ 300 ปีก่อนยุทธการยาวิน พวกเขาใช้มันเพื่อเก็บเกี่ยวแร่และพลังงานจากลาวาที่มีความร้อนสูงถึง 800 องศา เมื่อเทียบกับลาวาที่อื่นมันจัดว่าเป็นลาวาที่เย็นเนื่องมาจากแร่ที่แตกต่างซึ่งหลอมละลายในอุณหภูมิที่ต่ำ เพื่อป้องกันอันตรายจะมีการติดตั้งสนามแรงดันเพื่อสะกัดการระเบิดใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นใกล้กับที่เก็บเกี่ยว

ที่มั่นหลักของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนนั้นอยู่ในหน้าผาขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนที่เบื้องล่างมีธารลาวาไหลอยู่ แขนเก็บจะเก็บลาวาจากบริเวณนั้นในขณะที่ดรอยด์จะคอยดูแลจากระยะห่าง ภายในโรงงานนี้จะมีศูนย์บัญชาการของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนซึ่งเป็นหนึ่งในบังเกอร์ที่ปลอดภัยที่สุดในกาแลกซี่

ต่อมาเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของสงครามโคลน ดาร์ธ เวเดอร์ที่ก่อนหน้านี้คืออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ได้บุกเข้าไปในฐานของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนและกำจัดสภาแบ่งแยกดินแดนภายใต้คำสั่งของดาร์ธ ซีเดียสและได้ทำการปิดระบบของกองทัพดรอยด์เป็นการยุติสงคราม ไม่นานหลังจากนั้นการดวลระหว่างโอบีวัน เคโนบีและดาร์ธ เวเดอร์ก็เกิดขึ้นบนมุสตาฟาร์ ในระหว่างที่ทั้งสองต่อสู้แผงควบคุมเหมืองแร่ได้ถูกทำลายและสนามแรงดันหยุดทำงาน ทำให้ลาวาที่ระเบิดออกครอบคลุมพื้นที่ เวเดอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสรวมทั้งเสียแนขาและปอดที่ไหม้ไฟในตอนที่เขาพยายามกระโดดขึ้นไปที่สูงกว่าจากธารลาวา เขาจึงถูกโจมตีโดยเคโนบี ต่อมาเขาได้ถูกช่วยเหลือเอาไว้โดยจักรพรรดิพัลพาทีนผู้ซึ่งได้นำเขากลับไปยังคอรัสซังที่ที่ซึ่งเขาได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้กลายเป็นมนุษย์กลที่น่ากลัวของจักรพรรดิ ก่อนหน้าที่การต่อสู้จะเริ่ม ลอร์ดเวเดอร์ได้ใช้พลังบีบคอกับแพดเม่ อมิดาล่าที่กำลังตั้งครรภ์จนเธอหมดสติ ในที่สุดสิ่งนี้ได้กลายมาเป็นเหตุให้เธอเสียชีวิตพร้อมกับการตรอมใจที่พบว่าคนรักได้เข้าสู่ด้านมืดของพลัง


ยุคของจักรวรรดิ

หลังจากที่สภาแบ่งแยกดินแดนถูกทำลายและการทำให้สหภาพเทคโนโลยีกลายมาเป็นของจักรวรรดิมุสตาฟาร์ก็ถูกลืมโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อฝ่ายแบ่งแยกดินแดนจีโอโนเซียนชื่อไกซอร์ เดลโซครอบครองมุสตาฟาร์และได้เปิดการทำงานของดรอยด์รบอีกครั้ง โดยหวังที่จะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้นมาใหม่ เขาได้สร้างกองทัพดรอยด์ขนาดเล็กและกองยานรบเหนือดาวและยังได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนชาวจีโอโนเซียนของเขา เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สตอร์มทรูเปอร์แห่งกองทหารที่ 501ต้องเข้าโจมตีดาว เมื่อสิ้นสุดการรบแผนผังการสร้างดรอยด์ได้ถูกทำลายและเดลโซก็เช่นกัน ฐานที่มั่นถูกทำลายจนสิ้นซากโดยการระดมยิงจากยานพิฆาตดารา อิมพีเรียล เฟิร์ส-คลาสดาร์ราคีจึงส่งนักรบมุสตาฟาร์ไปช่วยฝ่ายแบ่งแยกดินแดนต่อสู้กับ สตอร์มทรูปเปอร์และก็พ่ายแพ้และนำกองกำลังมุสตาร์ฟาร์เรียนอพยพไปอยู่กับฝ่ายแบ่งแยกดินแดน

ในช่วงหนึ่งบริษัทเมนซิกซ์ได้สร้างเหมืองแร่แทนโรงงานเดิม

สงครามกลางเมืองกาแลกติก

เป็นที่ลือกันว่าในช่วงสงครามกลางเมืองกาแลกติกเจไดมากมายได้กลับไปที่มุสตาฟาร์และถูกนำโดยสารจากโอบีวัน เคโนบี ความไม่สมดุลที่เกิดจากด้านมืดได้ชักนำวิญญาณของเคโนบีไปที่มุสตาฟาร์ นักสำรวจคนอื่นๆ ในเวลานั้นได้เผชิญหน้ากับดรอยด์โบราณเอชเค-47พร้อมกับยานลาดตระเวน แฮมเมอร์เฮด-คลาส

ก่อนที่แผนผังของดาวมรณะจะถูกขโมย นักรบรับจ้างชาวทวิเลกชื่อริอันนา ซาเรนและซีโอได้ถูกส่งไปเพื่อรวบรวมข้อมูลปฏิบัติการของจักรวรรดิและก่อวินาศกรรมโรงงานำเหมือง พวกเขาทำสำเร็จและหลบหนีจากทหารของจักรวรรดิและฝูงบินของยานไทร์