หลังสงครามโลก ของ ยาซูจิโร_โอซุ

หนังของโอซุช่วงหลังสงครามโลกได้รับการตอบรับค่อนข้างดีแทบทุกเรื่อง อาทิ Banshun ("Late Spring", 1949) ,Tokyo Monogatari ("Tokyo Story", 1953) (ซึ่ง Tokyo Story นักวิจารณ์และผู้ที่ชื่นชอบดูหนังหลายคน ยกย่องให้เป็นหนัง masterpiece ของเขา) , และเรื่องต่อ ๆ มา Ochazuke no Aji ("The Flavour of Green Tea Over Rice", 1952), Soshun ("Early Spring", 1956), Higanbana ("Equinox Flower", 1958 ), Ukikusa ("Floating Weeds", 1959) and Akibiyori ("Late Autumn", 1960)

หนังของโอซุส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างครอบครัวญี่ปุ่นสมัยเก่ากับครอบครัวยุคใหม่ และความกดดันในครอบครัว หนังของโอซุในยุคหลังจะเน้นธีมแนวนี้แทบทุกเรื่อง ซึ่งปรากฏได้เด่นชัดในหนังเรื่อง Tokyo Story ของเขา สังเกตได้ว่าในหนังเรื่องนี้จะพูดถึงความรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนในครอบครัว และความแตกต่างด้านการใช้ชีวิตในเมืองกับชนบท การละทิ้งคนชราเพื่อมาปักหลักสร้างครอบครัวในเมืองหลวง

โอซุชอบใช้นักแสดงหน้าเดิมๆ อย่าง Chishu Ryu เซ็ตซึโกะ ฮาระเรียกได้ว่าหนังของเขามีนักแสดงเดิมอยู่แทบทุกเรื่อง เพียงแต่เปลี่ยนบทบาทและหน้าที่ของนักแสดงเท่านั้นเอง และมักร่วมงานกับผู้กำกับภาพคู่หูยูฮารุ อัตสึตะ ส่วนเรื่องการเขียนบทนั้นในระยะหลัง เมื่องานของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักแล้ว โอซุก็ร่วมงานกับ Kogo Noda มาตลอด และแทบไม่เคยร่วมเขียนบทกับคนอื่นเลย

หนังเรื่องสุดท้ายที่เขากำกับคือ Sanma no aji ("An Autumn Afternoon", 1962) ซึ่งเป็นภาพยนตร์สีเพียงไม่กี่เรื่องที่เขาถ่ายทำ และตายจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่ออายุ 60 ปี ในวันเกิดของเขาพอดี สุสานของโอซุอยู่ที่วัดเอ็งงากูจิ คามากูระ (Engaku-ji , Kamakura)