Ip Man 2 เป็นภาคต่อจาก Ip Man ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งคำวิจารณ์และรายได้ในปลายปี ค.ศ. 2008 ในส่วนของภาคที่ 2 นี้ เนื้อหาเป็นส่วนต่อจากภาคที่แล้ว โดยเป็นเรื่องราวของยิปมันที่ต้องหนีภัยไปยังฮ่องกง และเปิดโรงเรียนสอนกังฟูขึ้นที่นั่น ตรงตามชีวประวัติจริง

ในส่วนของภาคที่ 2 นี้ ใช้เงินสร้างถึงกว่า 100 ล้านบาท โดยได้ หง จินเป่า มาทำหน้าที่ผู้กำกับคิวแอ๊คชั่นเช่นภาคแรก แต่ในภาคนี้หง จินเป่า ได้เพิ่มบทบาทของตัวเองขึ้นมา โดยเป็นหนึ่งในนักแสดงนำในเรื่องด้วย โดยการรับบทเป็นอาจารย์หง ปรมาจารย์แห่งมวยหงกวนในฮ่องกง

Ip Man 2 มีฉากต่อสู้ใหญ่ ๆ ถึง 3 ฉากด้วยกัน คือ ฉากการต่อสู้ในตลาดปลา โดยยิปมันกับอาเสียงเพียง 2 คน ต้องต่อสู้กับเจ้าถิ่นถึงกว่า 100 โดยมีอาวุธคือ มีดดาบ ฉากการประลองฝีมือบนโต๊ะของยิปมันกับอาจารย์หง และฉากการต่อสู้กับทวิตเตอร์ นักมวยชาวอังกฤษ

สำหรับรายได้ในการเปิดฉาย ที่ฮ่องกง ภาพยนตร์เปิดตัวฉายวันแรกในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2010 เพียงสัปดาห์แรก สามารถทำรายได้ไปกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่ภาคแรกเคยทำไว้ถึง 2 เท่า นอกจากนั้นยังถือเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวได้สูงสุดของ เจิน จื่อตัน อีกด้วย[3]

อภินันท์ บุญเรืองพะเนา แห่งผู้จัดการออนไลน์ วิจารณ์โดยเปรียบเทียบกับ องค์บาก 3 ของจา พนม ซึ่งเป็นภาพยนตร์ไทยอีกเรื่องในแนวศิลปะการต่อสู้ที่เข้าฉายในเวลาเดียวกันว่า จา พนมควรเอาแบบอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ไปทำบ้าง โดยยกข้อดีของ Ip Man 2 ไว้ 5 ข้อ คือ

1. การเล่าเรื่องที่ไม่หวือหวา แต่สามารถทำอารมณ์ของผู้ชมให้ติดตามต่อไปได้ว่า ฉากต่อไปจะเป็นอย่างไร และเป็นอารมณ์แบบนี้ไปจนถึงจบ

2. ฉากแอ็คชั่นที่มีการจัดวางสถานการณ์ให้ตัวละครได้ต่อสู้กันเป็นระยะ ๆ ก่อนจะถึงจุดสูงสุดในช่วงก่อนจบ

3. อารมณ์ขัน อภินันท์มีความเห็นว่า ตัวละคร ยิปมัน เป็นคนที่มีอารมณ์ขันอีกทั้งยังมองโลกในแง่งามซึ่งเป็นธรรมดาวิสัยของผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลกและไม่แบกโลกไว้กับตัว แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเพียงใด

4. ดนตรีประกอบ ที่มาได้ถูกที่ถูกจังหวะและถูกอารมณ์

5. คุณค่าเชิงสาระ ที่บทสนทนาแฝงคำพูดคม ๆ ที่มีนัยของคุณธรรมและความเป็นพื้นฐานสุดของความเป็นมนุษย์ เช่น การให้ความสำคัญกับรับประทานอาหารพร้อมหน้ากับครอบครัวมากกว่าการเอาชนะกัน[4]