ระยะเวลาการเกิด ของ รอยเขียวช้ำหลังตาย

รอยเขียวช้ำหลังตายที่ปรากฏบนศพ

ระยะเวลาการเกิดรอยเขียวช้ำหลังตาย ในรายที่ผู้ตายตายจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ (อังกฤษ: Carbon Monoxide) เข้าไป สีของเม็ดเลือดแดงที่ตกตามแรงโน้มถ่วงอาจจะมีสีชมพูสดแทนที่จะเป็นสีแดงคล้ำ เนื่องจากเม็ดเลือดแดงมีคาร์บอกซีฮีโมโกลบิน (อังกฤษ: Carboxy Haemoglobin) จำนวนมาก สีชมพูลักษณะนี้อาจพบในศพที่ตายจากสารพิษจำพวกไซยาไนด์ หรือการที่ศพอยู่ในอุณหภูมิที่เย็นจัดเช่นในห้องเย็นหรือตู้แช่ ซึ่งเกิดจากการมีออกซีฮีโมโกลบิน (อังกฤษ: Oxy Haemoglobin) จำนวนมากด้วยเช่นกัน

ระยะเวลาช่วงแรก

การตกของเม็ดเลือดตามแรงโน้มถ่วงหลังตาย จะเกิดเต็มที่เมื่อระยะเวลาประมาณ 8-12 ชั่วโมง ภายหลังจากการตาย และจะเริ่มอยู่ตัว (อังกฤษ: Fixed) คือเมื่อมีการเคลื่อนย้ายศพหรือกลับท่าของศพจากเดิม เม็ดเลือดแดงที่ปรากฏตามผิวหนังก็จะไม่เคลื่อนหรือไหลไปอยู่ในที่ใหม่เช่น ในกรณีที่แพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพ ตรวจสภาพศพนอนตายอยู่ในห้องนอนในท่านอนหงาย รอยเขียวช้ำหลังตายจะตกลงไปอยู่ที่บริเวณทางด้านแผ่นหลังและท้องแขน

ถ้ารอยเขียวช้ำหลังตายยังไม่อยู่ตัว คือเกิดมาแล้วประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วศพถูกกลับให้ไปอยู่ในท่านอนคว่ำ รอยเขียวช้ำหลังตาย จะไหลย้อนกลับไปอยู่ในทิศทางด้านหน้าเพราะด้านหน้ากลายเป็นด้านล่าง ซึ่งถ้ารอยเขียวช้ำหลังตายอยู่ตัวแล้ว จะไม่สามารถไหลกลับไปได้อีก เนื่องจากการอยู่ตัวของเม็ดเลือดแดงเกิดเพราะเม็ดเลือดแดงแตกสลายตัว สีของฮีโมโกลบิน (อังกฤษ: Hemoglobin) จะซึมออกไปจากเส้นเลือดแล้ว จึงไม่สามารถไหลได้อีกต่อไป[2]

ระยะเวลาช่วงสุดท้าย

ในรายที่มีการเสียเลือดออกไปนอกร่างกายเป็นจำนวนมากจากบาดแผล รอยเขียวช้ำหลังตายอาจพบได้น้อยมากหรือแทบไม่เหลือร่องรอยให้ค้นพบ การอยู่ตัวของรอยเขียวช้ำหลังตายอาจจะเกิดเร็วกว่าระยะเวลาปกติคือประมาณ 8-12 ชั่วโมง และในบางราย รอยเขียวช้ำหลังตายอาจจะเกิดได้ช้ามาก ประมาณ 24-36 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราการเน่าสลายตัวของศพด้วย การประเมินเวลาตายโดยใช้รอยเขียวช้ำหลังตาย จึงเป็นเพียงการประมาณเวลาของการตายเท่านั้น

ใกล้เคียง

รอยเขียวช้ำหลังตาย รอยเลื่อน รอยขูดขีดเขียน รอยเท้าคาร์บอน รอยเตอร์ส รอยเลื่อนแซนแอนเดรอัส รอยเลื่อนอานาโตเลียตะวันออก รอยเว้าเหนือแนวสันกระดูกสะบัก รอยเว้าเซมิลูนาร์ รอยเปื้อนที่สอง