รัล์ฟ รังนิค (
เยอรมัน: Ralf Rangnick; เกิด 29 มิถุนายน ค.ศ. 1958) เป็นผู้จัดการทีม
ชาวเยอรมัน ผู้อำนวยการกีฬา และอดีต
นักฟุตบอล ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวให้แก่
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรใน
พรีเมียร์ลีก[2][3]ภายหลังจากไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักฟุตบอล รังนิคได้เริ่มต้นอาชีพผู้ฝึกสอนใน ค.ศ. 1983 ในวัย 25 ปี ต่อมาใน ค.ศ. 1997 เขาได้รับการจ้างจากสโมสร เอสเอสวี อุล์ม 1846 ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาเคยเล่นอาชีพ โดยรังนิคสามารถพาทีมชนะเลิศการแข่งขันลีกได้ในฤดูกาลแรกที่คุมทีม ก่อนจะย้ายไปคุมทีม
เฟาเอ็ฟเบ ชตุทท์การ์ท สโมสรใน
บุนเดิสลีกา และพาทีมชนะเลิศ
ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพใน ค.ศ. 2000 แต่ก็ถูกปลดในเวลาต่อมาจากผลงานอันย่ำแย่ ต่อมาใน ค.ศ. 2001 รังนิคไปคุมทีม
ฮันโนเฟอร์ 96 ใน
ซไวเทอบุนเดิสลีกา แต่ก็ถูกปลดใน ค.ศ. 2004 ต่อมา รังนิคไปร่วมงานกับ
ชัลเคอ 04 ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะไปคุมทีม
เทเอ็สเก 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ ใน ค.ศ. 2006 ซึ่งเขาพาทีมเลื่อนชั่นขึ้นมาสู่บุนเดิสลีกาได้สำเร็จ ก่อนจะลาทีมใน ค.ศ. 2011 เพื่อกลับไปร่วมงานกับชัลเคอ 04 และพาทีมชนะเลิศ
เดเอ็ฟเบ-โพคาล[4] และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปีนั้น ก่อนจะไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาให้กับ
สโมสรเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คใน
ออสเตรีย และ
แอร์เบ ไลพ์ซิชในเยอรมนี และยังทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนให้แก่แอร์เบ ไลพ์ซิชสองครั้งในฤดูกาล 2015–16 และ 2018–19ในระหว่างการร่วมงานกับเร็ดบุล รังนิคมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานและระบบทีมเพื่อแข่งขันในฟุตบอลยุโรป เขามีบทบาทในการดูแลระบบเยาวชน รวมถึงการเป็นแมวมองในการค้นหาผู้เล่นทักษะดีเข้ามาสู่ทีม และยังเป็นผู้นำปรัชญาการเล่นเกมรุกอันดุดันมาสู่สโมสร
[5] ส่งผลให้สโมสรเร็ดบุลมีผลงานที่ดีขึ้น และยังมีมูลค่าการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 120 ล้านยูโรเป็น 1.2 พันล้านยูโรในช่วงที่เขาทำงานให้สโมสร
[6] รวมถึงการช่วยให้สโมสรแอร์เบ ไลพ์ซิช ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนด้วยผลกำไรมหาศาล และยกระดับทีมขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของบุนเดิสลีกามาถึงปัจจุบัน
[7] ซึ่งรังนิคยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายกีฬาและการพัฒนาของสโมสรใน ค.ศ. 2019 ก่อนจะลาออกในปีต่อมา
[8] รังนิคเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวให้สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2021 โดยเซ็นสัญญาไปจนสิ้นสุด
ฤดูกาล 2021–22 และจะรับตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับสโมสรหลังหมดสัญญารังนิคได้รับการยกย่องในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาระบบการเล่นแบบเกเกนเพรสซิ่ง
[lower-alpha 1] (Gegenpressing)
[9] และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้จัดการทีมที่มีปรัชญาในการทำทีมที่ชัดเจน
[10] มีความสามารถในการวางระบบและการพัฒนาศักยภาพนักเตะ เขายังถือเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในการพัฒนาทักษะการคุมทีมของผู้ฝึกสอนหลายคน อาทิ แอ็นสท์ ฮัพเพิล, อาร์ริโก ซาคคี และ ซเดนเยค เซมัน
[11] และยังเป็นผู้ฝึกสอนต้นแบบของผู้จัดการทีมชาวเยอรมันชื่อดังมากมาย อาทิ
โทมัส ทุคเคิล,
ยูลีอาน นาเกิลส์มัน,
รัล์ฟ ฮาเซินฮึทเทิล และ
เยือร์เกิน คล็อพ[12]