ราชอาณาจักรคุช (
อังกฤษ: Cush, Kush;
อียิปต์โบราณ:
𓎡𓄿𓈙𓈉 kꜣš,
อัสซีเรีย:
Kûsi, ใน LXX
กรีกโบราณ: Κυς Kus และ Κυσι[
โปรดขยายความ] Kusi;
คอปติก: ⲉϭⲱϣ Ecōš;
ฮีบรู: כּוּשׁ Kūš) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า
คุช เป็นอาณาจักรโบราณในบริเวณ
นิวเบีย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ที่ราบลุ่มแม่น้ำ
ไนล์ ซึ่งปัจจุบัน คือ ตอนเหนือของ
ประเทศซูดานและตอนใต้ของ
ประเทศอียิปต์ภูมิภาคนิวเบียเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมในยุคแรก ซึ่งก่อให้เกิดสังคมที่ซับซ้อนหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับการค้าและอุตสาหกรรม
[9] นครรัฐ
เคอร์มากลายเป็นฐานอำนาจทางการเมืองที่โดดเด่นในช่วงระหว่าง 2450 ถึง 1450 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยควบคุมพื้นที่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไนล์ระหว่าง
แก่งน้ำตกแม่น้ำไนล์ที่หนึ่งจนถึงที่สี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ใหญ่พอ ๆ กับอียิปต์ ชาวอียิปต์เป็นคนกลุ่มแรกที่ระบุว่านครรัฐเคอร์มาเป็น "ชาวคุช" และในอีกหลายศตวรรษต่อมา อารยธรรมทั้งสองก็มีส่วนร่วมในสงคราม การค้า และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเป็นระยะ ๆ
[10]นิวเบียส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอียิปต์ในช่วงสมัย
ราชอาณาจักรใหม่ (ระหว่าง 1550–1070 ปีก่อนคริสต์ศักราช) หลังจากการล่มสลายของอียิปต์ท่ามกลางในช่วง
การล่มสลายปลายยุคสัมฤทธิ์ โดยชาวคุชได้สถาปนาราชอาณาจักรขึ้นใหม่ใน
แนปาตา (ปัจจุบันคือเมือง
การิมา ประเทศซูดาน) แม้ว่าราชอาณาจักรคุชจะได้พัฒนาความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมหลายอย่างกับอียิปต์ เช่น ความเลื่อมใสต่อเทพ
อามุน และราชวงศ์ของทั้งสองอาณาจักรบางครั้งก็อภิเษกสมรสระหว่างกัน แต่วัฒนธรรม ภาษา และเชื้อชาติของราชอณาจักรคุช นั้นแตกต่างกัน โดยศิลปะอียิปต์ทำให้ชาวคคุชมีความโดดเด่นด้วยการแต่งกาย รูปร่างหน้าตา และแม้กระทั่งวิธีการเดินทาง
[9]ในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช กษัตริย์
คาชตา ("ชาวคุช") ได้ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอียิปต์บนโดยไม่มีการต่อต้าน ในขณะที่พระนาง
อเมนอิร์ดิส ซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสาวิกาผู้ศักดิ์สิทธ์แห่งอามุนใน
ธีบส์[11] กษัตริย์
ปิเย ซึ่งเป็นผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของพระองค์ได้ทรงรุกราน
อียิปต์ล่าง โดยทรงสถาปนา
ราชวงศ์ที่ยี่สิบห้า ซึ่งปกครองโดยชาวคุช
เชปเอนอูเพตที่ 2 ซึ่งเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ปิเยก็ทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็นสาวิกาผู้ศักดิ์สิทธ์แห่งอามุนเช่นดัน กษัตริย์แห่งคุชทรงปกครองอียิปต์มานานกว่าหนึ่งศตวรรษจนกระทั่งชาว
อัสซีเรียเข้ามาพิชิตอียิปต์ ในที่สุดก็กษัตริย์คุชก็ทรงถูกกษัตริย์
เอซาร์ฮัดดอนและกษัตริย์
อาชูร์บานิปัลแห่งอัสซีเรียทรงขับไล่ออกจากอียิปต์ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสต์ศักราช หลังจากสิ้นสุดอำนาจการปกครองเหนืออียิปต์แล้ว เมืองหลวงของจักรวรรดิคูไชต์ก็ตั้งอยู่ที่เมือง
เมโรวี ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวชาวกรีกรู้จักกันในนามของ
เอธิโอเปียตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราชจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 3 ทางตอนเหนือของนิวเบียได้ถูกรุกรานและถูกผนวกโดยอียิปต์ ซึ่งปกครองโดย
ผู้ปกครองชาวมาซิโดเนียและผู้ปกครองชาว
โรมันเป็นเวลา 600 ปีจากนั้น ดินแดนบริเวณดังกล่าวจะเป็นที่รู้จักในโลกของกรีก-โรมันในนาม
ดอเดคาสสคออินอส ต่อมาถูกปกครองโดยกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรคุชที่สี่พระนามว่า
เยเซโบเคอามานิ ราชอาณาจักรแห่งชาวคุชยังคงเป็นมหาอำนาจระดับภูมิภาคดังกล่าวจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 4 เมื่อราชอาณาจักรคุชอ่อนแอและได้สลายตัวจากการก่อจลาจลภายในท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายลง และการรุกรานและพิชิตโดยชาว
โนบา (
นิวเบีย) ซึ่ง
ภาษานิวเบียเข้ามาแทนที่จาก
ภาษาเมโรวีดั้งเดิมและเรียกตนเองวว่า นิวเบีย แทนที่ชื่อเรียกที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกว่า คุช เมืองเมโรวีได้ถูกยึดและปล้นสะดมโดย
ราชอาณาจักรอักซุม ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของราชอาณาจักรและการสลายตัวเป็นสามขั้วอำนาจการเมือง คือ
ราชอาณาจักรโนบาเทีย,
ราชอาณาจักรมาคูเรีย, และ
ราชอาณาจักรอะโลเดีย หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่นาน ราชอาณาจักรอะโลเดียจะเข้าควบคุมดินแดนทางตอนใต้ของจักรวรรดิเมโรวีในอดีต รวมทั้งบางส่วนของราชอาณาจักรเอริเทรียด้วย
[12]การค้นพบทางโบราณคดีตั้งแต่ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 กลับไม่เป็นที่สนใจโดยเพื่อนบ้านชาวอียิปต์ที่โดดเด่นกว่ามายาวนาน ซึ่งเผยให้เห็นว่าราชอาณาจักรคุชนั้นเป็นอารยธรรมขั้นสูงในสิทธิของตนเอง ชาวคุชมีภาษาและลายลักษณ์อักษรที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตนเอง มีการรักษาระบบเศรษฐกิจที่ซับซ้อนบนพื้นฐานของการค้าและอุตสาหกรรม ชาวคุชเชี่ยวชาญการยิงธนู และพัฒนาสังคมเมืองที่ซับซ้อนด้วยการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในระดับสูงโดยเฉพาะ
[13]