รูปเคารพในคริสต์ศาสนา ของ รูปเคารพ

คริสต์ศาสนามีต้นรากมาจากขบวนการภายในศาสนายูดายในสมัยที่มีความกังวลกันเป็นอันมากเรื่องรูปปั้นต้องห้าม ในพันธสัญญาใหม่หรือในเอกสารอื่น ไม่มีหลักฐานการสร้างและการใช้รูปเคารพทาสีหรือรูปบูชาทางศาสนาโดยคริสต์ศาสนิกชน แต่ด็อกเตอร์สตีเฟน บิงแฮม (Dr. Steven Bingham) กล่าวว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการไม่มีการเอ่ยถึงรูปเคารพคริสเตียน หรือ รูปที่ไม่เป็นรูปต้องห้ามใด ๆ ในพันธสัญญาใหม่เลย แต่การที่มิได้มีการกล่าวถึงก็มิได้หมายความว่าเอกสารบรรยายกิจการของอัครสาวกหรือของผู้นับถือคริสต์ศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 1 เป็นเอกสารที่บรรยายกิจการทุกอย่างอย่างครบถ้วน นักบุญจอห์นอีแวนเจลลิสเองกล่าวว่า “พระเยซูทรงทำเครื่องหมายต่อหน้าสาวก, ซึ่งมิได้เขียนลงในหนังสือ...” (จอห์น 20.30) จากเหตุผลนี้เราก็สามารถจะกล่าวได้ว่าสิ่งที่อัครสาวกพูดและหรือทำ มิได้บันทึกไว้ในพันธสัญญาใหม่ไปเสียทุกอย่าง ดังนั้นถ้าจะพยายามหาหลักฐานว่าในสมัยคริสเตียนยุคแรกว่ามีการสร้างและใช้รูปเคารพหรือไม่, พันธสัญญาใหม่ก็ไม่มีประโยชน์ใดใดทั้งสิ้น การที่ไม่มีการกล่าวถึงก็มีเหตุผลต่าง ๆ กันไปแล้วแต่การสรุปของผู้ตีความหมาย[2] สิ่งที่น่าสังเกตคือรูปเคารพทางคริสต์ศาสนามีการวิวัฒนาการอย่างแพร่หลายกันแล้วก่อนที่คริสต์ศาสนกฎบัตร (New Testament Canon) จะได้รับการอนุมัติเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 4

คำว่า “eikon” ปรากฏในพันธสัญญาใหม่แต่มิได้หมายถึงรูปเคารพแบบทาสีแต่หมายถึงภาพเหมือน (มัทธิว 22:20) ภาพเขียนทางคริสต์ศาสนาเองก็มีมาตั้งแต่สมัยคริสเตียนยุคแรกที่พบบนผนังในที่เก็บศพแบบรังผึ้งในกรุงโรม เช่นที่วัดโดมิทิลลา (Domitilla) และวัดคัลลิสโต (Callisto)

ในนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ทางตะวันออกและการเขียนรูปเคารพตามประเพณีคริสต์ศาสนามักจะเขียนบนแผ่นไม้แบนเป็นรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นพระเยซู, พระแม่มารี, นักบุญ, เทวดา หรือ กางเขน นอกจากนั้นรูปเคารพยังอาจจะเป็นโลหะหล่อ, หินแกะ, ผ้าปัก, งานโมเสก, ภาพพิมพ์บนกระดาษหรือโลหะ การสร้างงานรูปเคารพแบบลอยยังไม่เป็นที่แพร่หลายเป็นเวลาหลายร้อยปีเพราะความเชื่อที่ว่ารูปลอยอาจจะทำให้เป็นที่สิงสถิตย์ของสิ่งชั่วร้ายตามความเชื่อของรูปปั้นของชนนอกศาสนา (pagan)