ลิงลมชวา
ลิงลมชวา

ลิงลมชวา

ลิงลมชวา (อังกฤษ: Java slow loris; ชื่อวิทยาศาสตร์: Nycticebus javanicus) เป็นไพรเมตจำพวกลิงลมชนิดหนึ่ง เดิมเคยถือเป็นชนิดย่อยของลิงลมใต้ (N. coucang) เป็นเวลาหลายปี โดยใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า N. coucang javanicus [4] จนการประเมินอีกครั้งของสัณฐานวิทยาและพันธุศาสตร์ในปี ค.ศ. 2000 จึงถูกจัดออกให้เป็นชนิดต่างหาก โดยเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับลิงลมใต้และลิงลมเหนือ (N. bengalensis) โดยมีความแตกต่างกันที่ความยาวและสีขนลิงลมชวา จะพบอาศัยอยู่เฉพาะในป่าดิบของเกาะชวา ในอินโดนีเซียเท่านั้น มีน้ำหนักระหว่าง 565 ถึง 687 กรัม (1.246 และ 1.515 ปอนด์)[5] มีขนสีเหลืองเทา ในด้านตรงข้ามกับส่วนหัว, คอ และไหล่เป็นสีครีม เช่นเดียวกับลิงลมบอร์เนียว (N. menagensis) โดยไม่มีฟันหน้าสองซี่[6]ลิงลมชวา เหมือนกับลิงลมชนิดอื่น ๆ คือ เป็นสัตว์ที่มีลิ้น 2 ลิ้น คือ ลิ้นสั้น กับ ลิ้นยาว ใช้ประโยชน์ในการกินอาหารแตกต่างกัน รวมถึงมีกระดูกสันหลังที่มีลักษณะพิเศษที่สามารถบิดตัวได้คล้ายงูอีกด้วย จึงใช้ในการปีนป่ายต้นไม้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสภาพของขนและสียังสามารถแฝงตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติได้ด้วย ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนการเช่นนี้มานานกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว [7]เป็นสัตว์ที่อาศัยและหากินในเวลากลางคืนโดยลำพัง ปกติจะเคลื่อนไหวเชื่องช้า แต่จะรวดเร็วมากเมื่อเวลาจับอาหาร โดยกินแมลง และสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ บนต้นไม้เป็นอาหารหลัก และมีผลไม้หรือลูกไม้ต่าง ๆ เป็นอาหารรอง รวมถึงสามารถจับสัตว์ขนาดใหญ่อย่าง นก หรือ ค้างคาว กินได้ด้วย โดยมีกระดูกสันหลังแบบพิเศษ และมีมือที่เก็บซ่อนนิ้วเพื่อให้จับเหยื่อและเคลื่อนที่ไปทั่วได้โดยไม่เป็นที่สังเกต นิ้วชี้ของขาหลังมีเล็บยาวปลายแหลมเห็นได้ชัด ขาหน้าและขาหลังสั้นแต่แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีพิษที่มีสภาพคล้ายน้ำมันที่ซ่อนอยู่ในข้อศอก มีฤทธิ์ในการทำลายเนื้อเยื่อ ลิงลมชวาจะใช้ผสมกับน้ำลายเมื่อกัด ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงจำพวกเดียวที่มีพิษ พิษนี้มีความร้ายแรงถึงขนาดมีมนุษย์เสียชีวิตมาแล้ว[7]ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของการมีพิษนี้ แต่พิษนี้ใช้ประโยชน์ได้ในการล่าเหยื่อ หรืออาจจะใช้ประโยชน์ในการกำจัดปรสิตตามตัว เพราะลิงลมจะไม่มีเห็บหรือหมัดตามตัวเหมือนสัตว์ในอันดับไพรเมตจำพวกอื่น สันนิษฐานว่าลิงลมชวาอาจจะได้พิษนี้มาจากแมลงหรือแมงมีพิษจำพวกต่าง ๆ ที่กินเป็นอาหาร เช่น มด และกิ้งกือ ซึ่งเป็นอาหารโปรดของลิงลม เพราะพบพิษลักษณะเดียวกันนี้ในมดและกิ้งกือ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้อีกว่า มีพิษไว้สำหรับสู้กับลิงลมชวาเพศเดียวกันตัวอื่น โดยเฉพาะตัวผู้ เพื่อประกาศอาณาเขตและแย่งชิงคู่ครอง เพราะลิงลมชวาจะต่อสู้กันเองด้วยการกัดและเหวี่ยงอย่างรุนแรง ซึ่งอาจบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นตายได้[7]ลิงลมชวา จัดอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์ โดยจัดเป็นลิงลมชนิดที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ที่สุด จากการถูกจับไปเป็นสัตว์เลี้ยง มีมูลค่าการซื้อขายที่สูงและเป็นที่นิยมมากในตลาดค้าสัตว์ป่าหรือตลาดมืด โดยผู้ขายมักจะตัดเขี้ยวของลิงลมชวาออกเพื่อไม่ให้ไปกัดผู้เลี้ยง ด้วยกรรไกรตัดเล็บหรือคีม ซึ่งทำให้ลิงลมชวาได้รับบาดเจ็บอาจถึงตายได้[8]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ลิงลมชวา http://www.dailymotion.com/video/x1wuasa_%E0%B8%88... http://www.itis.gov/servlet/SingleRpt/SingleRpt?se... http://dpc.uba.uva.nl/cgi/t/text/get-pdf?c=ctz;idn... http://biodiversitylibrary.org/page/19333002 http://www.cites.org/eng/app/Appendices-E.pdf //doi.org/10.1080%2F00222932108632631 http://www.iucnredlist.org/apps/redlist/details/39... http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?New... https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Nyctic...