ลิงวอก (
อังกฤษ: Rhesus macaque, Rhesus monkey;
ชื่อวิทยาศาสตร์: Macaca mulatta) เป็น
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใน
อันดับวานร (Primates) เป็น
ลิงที่มีร่างกายอ้วนสั้น บริเวณหลัง หัวไหล่ และตะโพกมีสีน้ำตาลปน
เทา ส่วนบริเวณใต้ท้องและสีข้างมีสีอ่อนกว่า หางยาวประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวลำตัว ขนหางค่อนข้างยาวและฟู มีการผลัดขนประมาณช่วงเดือน
มิถุนายนถึง
กรกฎาคมของทุกปี โดยจะเริ่มที่บริเวณปากก่อน หลังจากนั้นจึงจะเริ่มผลัดขนที่หลัง ตัวเมียอาจมีขน
สีแดงในฤดูผสมพันธุ์ ขนที่หัวของลิงวอกจะชี้ตรงไปด้านหลัง ลิงตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียมีความยาวลำตัวและหัว 47 – 58.5
เซนติเมตร ความยาวหาง 20.5 – 28 เซนติเมตร น้ำหนัก 3 – 6
กิโลกรัมมีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่
อัฟกานิสถาน, ภาคเหนือของ
อินเดีย,
เนปาล,
พม่า, ภาคใต้ของ
จีน,
ลาว,
เวียดนาม และภาคตะวันตกของ
ไทย โดยในประเทศ ปัจจุบันเชื่อว่า เหลืออยู่เพียงฝูงสุดท้ายแล้วที่
วัดถ้ำผาหมากฮ่อ ในพื้นที่
อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย[3] แต่จากข้อมูลล่าสุด ยังพบเห็นฝูงลิงวอกได้อีกที่บริเวณสะพานข้ามน้ำ หน่วยพิทักษ์ป่าศาลาพรม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิมีพฤติกรรมชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ตั้งแต่ 50 ตัวขึ้นไป สมาชิกส่วนใหญ่ในฝูงประกอบไปด้วยลิงตัวเมียและลูก ๆ ตัวเมียในฝูงจะมีบาทบาทสำคัญมากกว่าตัวผู้ แต่ลิงตัวผู้จะมีบทบาทในการปกป้องฝูง ลิงวอกเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุ 3 – 4 ปี ระยะตั้งท้องนาน 5 – 7 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ลิงตัวเมียจะอยู่กับฝูงไปจนตาย แต่ตัวผู้เมื่อโตขึ้น มักจะถูกขับไล่ให้ออกจากฝูง จากการศึกษาพบว่า ลิงวอกมีความสัมพันธ์กับชุมชนมนุษย์มาเป็นเวลานาน แต่การที่ลิงวอกมักเข้ามาอาศัยและใช้ประโยชน์ในพื้นที่เกษตรกรรม จึงทำให้ไม่กลัวคน ในบางครั้งจึงถูกจับฆ่าเพื่อนำมาทำเป็นอาหารและฆ่าเพื่อลดความรำคาญ ปัจจุบัน เป็น
สัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แต่ประชาชนทั่วไป สามารถ ขออนุญาตเลี้ยงได้ ตามกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. 2546 ส่วยใหญ่จะเลี้ยงไว้ใช้งาน เป็นลิงเก็บมะพร้าว ซึ่งเป็นอาชีพดังเดิมของคนไทยที่ควรอนุรักษ์ไว้