รูปแบบรายการ ของ ลุ้นข้ามโลก

รายการนี้ออกมาในรูปแบบของเกมโชว์ทายปัญหาจากการท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยในแต่ละครั้งจะเชิญผู้ร่วมรายการ 3 คนต่อสัปดาห์มาแข่งขันกัน

รอบคัดเลือก

เมื่อเข้าสู่เกมการแข่งขัน ทางรายการจะฉาย VTR สกู๊ปสถานที่ปริศนา ซึ่งทางทีมงานรายการพร้อมพิธีกรภาคสนามได้ยกกองไปถ่ายทำกันถึงสถานที่จริงเพื่อพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างมาเป็นข้อปริศนา จากนั้นพิธีกรในห้องส่งจะให้ผู้แข่งขันเลือกป้ายสะสมคะแนนซึ่งช่วงปีแรกจะมีทั้งหมด 13 แผ่นป้าย(แต่ละแผ่นป้ายจะมีหมายเลขคะแนน 1 - 13 ซ่อนอยู่) เพื่อจัดลำดับการเล่นในแต่ละข้อ (ต่อมารายการได้รับความนิยมจากผู้ชมทั่วประเทศ ทำให้สปอนเซอร์มีเข้ามามากจึงต้องขยายป้ายเป็น 17 แผ่นป้าย แต่ละแผ่นป้ายจะมีหมายเลขคะแนน 1 - 17 ซ่อนอยู่) ใครที่เปิดได้คะแนนมากที่สุดจะได้เริ่มเล่นก่อน โดยการฟังคำใบ้ทีละข้อแล้วตอบว่าคำใบ้นั้น "จริง" หรือ "หลอก" หากตอบคำใบ้ถูกแต่ละข้อจะได้ 2 คะแนนและได้สิทธิ์ตอบคำใบ้ต่อไป แต่ถ้าตอบผิดนอกจากไม่ได้คะแนนในคำใบ้นั้นแล้ว สิทธิ์ในการตอบคำใบ้ต่อไปจะตกเป็นของผู้เล่นลำดับถัดไปทันที หลังจากตอบคำใบ้ครบทั้ง 5 ข้อแล้ว จะต้องตอบคำถามปริศนาจาก VTR ถ้าตอบได้ถูกต้องก็จะได้รับคะแนน 20 คะแนน สำหรับผู้ตอบถูกคนแรก ส่วนคนที่สองจะได้ 10 คะแนน ส่วนคนสุดท้ายจะได้ 5 คะแนน เกมมี 3 ข้อจาก 3 สถานที่ ผู้แข่งขันคนไหนทำคะแนนรวมน้อยที่สุดก็จะตกรอบไป ส่วนอีก 2 คนที่เหลือจะเข้าสู่เกมชิงแจ็คพอต โดยต้องตอบคำถามปริศนาอีก 1 ข้อ หากใครได้คะแนนมากกว่าคนนั้นจะผ่านเข้ารอบเปิดป้าย "ลุ้นข้ามโลก"

ส่วนในยุค "ลุ้นข้ามโลก โชว์ออฟ" ได้เปลี่ยนฉาก,รูปแบบรายการ,และผู้เข้าแข่งขันจาก 3 คนต่อสัปดาห์ เป็น 2 ทีมต่อสัปดาห์ โดยแบ่งเป็นทีมละ 3 คน ซึ่งแต่ละทีมจะทำการแสดงโชว์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้นๆ หลังจบทั้ง 2 โชว์ จะเป็นหน้าที่ของผู้ชมในห้องส่งในการโหวตตัดสินว่าทีมไหนทำโชว์ได้ดีที่สุด ทีมไหนได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดจากผู้ชมในห้องส่ง ก็จะเข้าไปเล่นในรอบแจ็คพอตทันที

รอบแจ็คพอต

ผู้แข่งขันที่เข้ารอบแจ็คพอตหรือเดอะวินเนอร์ จะต้องทำการเปิดป้ายจากทั้งหมด 15 แผ่นป้าย หากเปิดเจอแผ่นป้าย "ลุ้นข้ามโลก" จะได้เงินรางวัลแผ่นป้ายละ 10,000 บาท หากเปิดครบ 12 แผ่นป้าย และตอบคำถามจริงหรือหลอกในขั้นสุดท้ายได้ถูกต้องจะได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท พร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับที่ใดก็ได้ในโลกตามที่ผู้เข้าแข่งขันต้องการ กรณีเปิดป้ายเจอ "X" หรือตัวหยุด เกมจะจบลงทันที และจะต้องตอบ “คำถามคืนโชค” ซึ่งเป็นคำถามให้เลือกว่าจริงหรือหลอก หากตอบได้ถูกต้องก็จะได้เงินรางวัลตามจำนวนครึ่งหนึ่งของที่สะสม อนึ่งมีอยู่ระยะหนึ่งที่จะมีป้ายที่มีรางวัลพิเศษจากมิสทีน หากเปิดเจอป้ายนี้จะได้รับเงินรางวัลพิเศษอีก 10,000 บาท ในกติกาและเงินรางวัลนี้มีคนทำแจ็คพอตแตกเพียงคนเดียวคือ แนน ชลิตา เฟื่องอารมย์ (ผู้สนับสนุนหลักในรอบแจ็คพอตคือ ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล และศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์)

ต่อมาในปี 2540 เนื่องด้วยสภาพทางเศรษฐกิจทรุดตัว ทางรายการจึงต้องลดมูลค่าของรางวัลลง โดยจำนวนสูงสุดคือ 240,000 บาท คือหากตอบคำถามจริงหรือหลอกได้ถูกต้องจะได้รับรางวัลเป็นคูณสองทันที แต่ต้องเปิดให้ได้ครบ 12 แผ่นป้ายก่อนมีคนทำแจ็คพอตแตกเพียงคนเดียวคือ พีรพล จันทรากาศ

ในปี 2541-2542 รอบแจ็คพอตเปลี่ยนเป็นการเปิดแผ่นป้ายที่จอคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีแผ่นป้ายทั้งหมด 20 แผ่นป้าย โดยทีมที่ชนะจะต้องเปิดป้ายลุ้นข้ามโลกให้ครบ 17 แผ่นป้าย จะได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท เป็นช่วงของรายการลุ้นข้ามโลกโชว์ออฟ มีผู้ทำได้สูงสุด 15 แผ่นป้าย

และในช่วงปี 2542 -2543 รูปแบบเปิดป้ายเปลี่ยนใหม่เป็นจับคู่ประเทศที่ต้องใช้วีซ่าหรือไม่ใช้วีซ่า หากจับคู่ได้จะได้คู่ละ 10,000 บาท หากเปิดเจอป้ายลุ้นข้ามโลกถือว่าคู่นั้นสมบูรณ์ไม่ต้องลุ้นเลย ซึ่งผู้ที่ทำแจ็คพอตแตกคนแรกและคนเดียวคือ นิ้ง กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา ได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท(ผู้สนับสนุนหลักในรอบแจ็คพอตคือ ผลิตภัณฑ์โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ)

โดยรางวัลของผู้ร่วมรายการ สำหรับผู้ที่ตกรอบแรกจะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ-เชียงใหม่ พร้อมบัตรที่พัก 3 วัน 2 คืน จากโรงแรมเชียงใหม่ดิเอมเพลส พร้อมพ็อกเกตมันนี่อีก 5,000 บาท รางวัลของผู้ตกรอบที่สองคือ ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ-ฮ่องกง พร้อมพ็อกเก็ตมันนี่ 10,000 บาท ส่วนผู้ชนะเลิศจะได้รับคือตั๋วเครื่องบินไปที่ใดก็ได้ในโลกตามที่ท่านต้องการ พร้อมพ็อกเก็ตมันนี่ 20,000 บาท และของรางวัลในรอบแจ็คพอต