ลูเครเชียในศิลปะ ของ ลูเครเชีย

การฆ่าตัวตายของลูเครเชียเป็นหัวข้อที่นิยมกันมากในงานศิลปะทุกแขนง ในด้านจิตรกรรมก็เช่นกันในบรรดาจิตรกรที่รวมทั้งทิเชียน, แรมบรังด์, อัลเบรชท์ ดือเรอร์, ราฟาเอล, ซานโดร บอตติเชลลี, จอร์จ บรู (ผู้พ่อ) (Jörg Breu the Elder) , โยฮันเนส โมรีลส์ (Johannes Moreelse), ดาเมีย แคมเพนีย์ (Damià Campeny) และอื่นๆ

เรื่องของลูเครเชียเป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องแฝงคำสอนที่เป็นที่นิยมกันในยุคกลาง เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ บันทึกในหนังสือ “ตำนานของสตรีที่ดี” (The Legend of Good Women), จอห์น เกาเออร์ (John Gower) ใน “Confessio Amantis” (เล่ม 7), และจอห์น ลิดเกท (John Lydgate) ใน “Fall of Princes” นอกจากนั้นก็ยังปรากฏในโคลง “การข่มขืนของลูเครเชีย” ในปี ค.ศ. 1594 โดย วิลเลียม เชกสเปียร์ และยังได้รับการกล่าวถึงใน “Titus Andronicus” และ “As You Like It” ด้วย

ลูเครเชียปรากฏในโคลง “Appius and Virginia” โดย จอห์น เว็บเสตอร์ (John Webster) และทอมัส เฮย์วูด (Thomas Heywood):

Two ladies fair, but most unfortunateHave in their ruins rais'd declining Rome,Lucretia and Verginia, both renownedFor chastity

ต่อมาก็มีบทละคร “การข่มขืนของลูเครเชีย” (The Rape of Lucrece) ในปี ค.ศ. 1607 โดยทอมัส เฮย์วูด ลูเครเชียปรากฏในงานของดานเต อลิเกียริ ในตอนลิมโบที่มีไว้สำหรับขุนนางชาวโรมและผู้นอกศาสนาผู้มีจริยธรรมในแคนโตที่ 4 ใน “ไตรภูมิดานเต” ส่วนคริสตีน เดอ พิซานใช้ลูเครเชียเช่นเดียวกับนักบุญออกัสตินในหนังสือ “City of Ladies” ที่ป้องกันศักดิ์ศรีของสตรี

ในนวนิยาย “พาเมลา” โดยซามูเอล ริชาร์ดสัน (Samuel Richardson) ในปี ค.ศ. 1740 มิสเตอร์บีกล่าวถึงลูเครเชียว่าเป็นตัวอย่างที่พาเมลาไม่ควรกลัวว่าจะเสียชื่อเสียงถ้ามิสเตอร์บีจะข่มขืนพาเมลา แต่พาเมลาก็แก้ว่าให้อ่านให้ดี

ความสนใจในลูเครเชียมารื้อฟื้นอีกครั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ใน “Le Viol de Lucrèce” ที่เป็นบทละครที่เขียนในปี ค.ศ. 1931 โดยอันเดร โอเบย์ (André Obey) และในอุปรากร “การข่มขืนของลูเครเชีย” โดยเบ็นจามิน บริต์เต็น (Benjamin Britten) ในปี ค.ศ. 1946