ประวัติ ของ ลู่_เฮาตง

ลู่ เฮาตง ก่อนการปฏิวัติแต่งกายไว้หางเปียแบบชาวแมนจู สมัยนิยมของราชวงศ์ชิง"ธงท้องฟ้าสีคราม ดวงตะวันสาดส่อง" ซึ่งใช้เป็นธงของสมาคมซิงจงฮุ่ยในการปฏิวัติที่กว่างโจว

ลู่ เฮาตง เกิดที่เมืองเซี่ยงไฮ้ แต่พื้นเพของครอบครัวมาจากเมืองเซียงซาน, กวางตุ้ง เขาเป็นเพื่อนสนิทของ ดร. ซุน ยัตเซ็น และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่มุ่งเป้าไปที่การโค่นล้มราชวงศ์ชิงและจัดตั้งระบบการปกครองแบบสาธารณรัฐในประเทศจีน ในปี ค.ศ. 1895 ลู่ได้ร่วมก่อตั้ง สมาคมซิงจงฮุ่ย หรือ สมาคมฟื้นฟูจีน ขึ้นในฮ่องกง ร่วมกับดร.ซุน ยัตเซ็น

เมื่อก่อตั้งสมาคมแล้วลู่ เฮาตงและ ดร.ซุน ได้เน้นย้ำถึงการรวมกลุ่มของสมาคมต้องมีความสามัคคี ลู่ เฮาตงได้เสนอความคิดที่ให้สมาคมมีธงประจำสมาคมขึ้น เขาได้วาดธงชาวนา ธงห้าชนเผ่าและธงกำแพงเมืองจีน แต่คนอื่นๆในสมาชิกกลับไม่เห็นชอบด้วย เมื่อไม่เป็นที่พอใจ จนกระทั่งวันหนึ่งลู่ เฮาตงนั่งอย่างท้อแท้ใจใต้ช่องเพดานที่บ้านของเขา จู่ๆก็มีแสงจากดวงอาทิตย์ส่องลงมา ทำให้ลู่เกิดแรงบันดาลใจนำมาวาดเป็น "ธงท้องฟ้าสีคราม ดวงตะวันสาดส่อง" และเขาได้เสนอแบบธงนี้แก่สมาชิกปฏิวัติครั้ง เขาได้อธิบายถึงความหมายของธงในที่ประชุมว่า สัญลักษณ์ในธงที่ทุกท่านเห็นนั้นมีความหมายคือ "รัศมี 12 แฉกของดวงอาทิตย์สีขาว" แทนค่า 12 เดือน 12 นักษัตร "ท้องฟ้าสดใสสีคราม ดวงตะวันสีขาวสาดส่อง" เป็นความหวังของผู้คนที่จะมีอนาคตที่ดีกว่าเก่า หลังจากลู่ เฮาตงบรรยายเสร็จ ทุกคนในที่ประชุมต่างปรบมือและเห็นด้วยกับธงดังกล่าว ส่วนดร.ซุน ยัตเซ็นได้ชื่นชมลู่ เฮาตงที่มีหัวคิดสมัยใหม่ก้าวหน้า

ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.1895 พวกเขาได้วางแผนที่จะเริ่มทำการลุกฮือขึ้นปฏิวัติ ที่เมืองกวางโจว โดยใช้ธงท้องฟ้าสีคราม ดวงตะวันสาดส่องเป็นสัญลักษณ์ แต่มีคนทรยศนำแผนการไปบอกทำให้ทางรัฐบาลราชสำนักชิงได้รับรู้แผนการของพวกเขา ในวันที่ 26 ตุลาคม ขณะที่ลู่กำลังเตรียมตัวหลบหนีจากกวางโจว แต่ตัดสินใจกลับไปที่ฐานปฏิบัติการในคริสตจักรในเป่ยจิงหลู (ยุคปัจจุบันคือเขตเยว่ซิว) เพื่อเผาทำลายรายชื่อสมาชิกขบวนการปฏิวัติและเอกสารสำคัญอื่นๆที่เป็นหลักฐาน เพราะเกรงว่าราชสำนักจะรู้รายชื่อของนักปฏิวัติคนอื่นๆ แต่เขากลับไม่สามารถหลบหนีได้ทันเวลาและถูกจับพร้อมกับนักปฏิวัติคนอื่น ๆ โดยราชสำนักชิง

ลู่ได้ถูกนำตัวไปยัง หยาเหมิน ในเขตหนานไฮ่ (ปัจจุบันคือ อำเภอหนานไฮ่, ฝอซาน, มณฑลกวางตุ้ง) เพื่อสอบปากคำโดยผู้พิพากษามณฑล หลี่ เจิ้งหยง (李徵庸), ผู้เป็นข้าราชการในราชสำนักชิงทำหน้าที่ภายใต้คำสั่งจาก ตัน จงหลิน (譚鍾麟) อุปราชแห่งเหลียงกวงในราชสำนักชิง เมื่อลู่ เฮาตงปฏิเสธที่จะคุกเข่าลงต่อหน้าหลี่ เจิ้งหยง ระหว่างการสอบปากคำนักโทษ หลี่ได้กล่าวว่า, "เจ้าก็เป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถ ทำไมเจ้าถึงอยากทำตัวให้มีปัญหา โดยการต่อต้านราชสำนักที่จะทำให้เจ้าแลกด้วยชีวิตด้วยเล่า? " ลู่ เฮาตงจึงตอบกลับไปด้วยจิตใจหนักแน่นว่า, ""ประเทศจีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในโลก แต่กลับอยู่ในสภาพยากจนและน่าสงสารที่สุด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะราชสำนักชิงได้ปกครองแบบกดขี่, คดโกง และไร้ความสามารถในนโยบายต่างประเทศ ดังนั้นข้าและสหายของข้าได้วางแผนกบฏโดยมีเป้าหมายเพื่อล้มล้างราชสำนักชิงและเปลี่ยนการปกครองของประเทศเสียใหม่ไปเป็นแบบสาธารณรัฐ ข้าตั้งใจจะฆ่าคนหนึ่งหรือสองคนเช่นท่านที่รับใช้ราชสำนักชิง ตอนนี้แผนของเราล้มเหลว ข้าไม่สามารถฆ่าท่านได้ แต่หากท่านจะลงมือประหารข้าก็จงรีบดำเนินการเสียเถิด!" ลู่ เฮาตงจึงถูกตัดสินประหารชีวิตในโทษฐานเป็นกบฎต่อราชสำนักชิงโดยการตัดหัวและเสียบประจาน

สถานทูตอเมริกันในกวางโจวพยายามช่วยชีวิตของลู่โดยอ้างว่าเขาเป็นนักแปลที่ทำงานที่สำนักงานโทรเลขและไม่ได้เป็นนักปฏิวัติ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อหลี่ เจิ้งหยงได้แสดงคำสารภาพที่เขียนโดยลู่ เฮาตงว่าเขายอมรับว่าเป็นนักปฏิวัติเอง[1] จู กุ้ยกวน (朱貴全), ฉิว สี (邱四) และนักปฏิวัติที่ถูกจับกุมคนอื่น ๆ ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนตามคำสั่งของตัน จงหลิน ดร.ซุน ยัตเซ็นได้กล่าวถึงลู่ เฮาตงว่าเป็น "บุคคลแรกในประวัติศาสตร์จีนที่เสียสละชีวิตเพื่อการปฏิวัติประชาธิปไตย"

หลังการลู่ เฮาตงถูกประหารชีวิต เขาได้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในการที่เป็นผู้ออกแบบ "ธงท้องฟ้าสีครามกับดวงตะวันสาดส่อง" พรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นพรรคที่สืบทอดมาจากสมาคมปฏิวัติซิงจงฮุ่ยได้นำสัญลักษณ์ของธงมาเป็นธงประจำพรรคและสัญลักษณ์ของพรรค อีกทั้งยังเป็นธงชาติของสาธารณรัฐจีนที่สมัยปกครองแผ่นดินใหญ่และสมัยที่อยู่ที่เกาะไต้หวันในปัจจุบัน