รายละเอียดและลำดับรายการ ของ ล้วงลับตับแตก

ก่อนที่จะเข้าสู่การแข่งขัน ดารารับเชิญทั้ง 3 คนกับพิธีกรจะพูดคุยในเรื่องราวต่าง ๆ ของรายการ ก่อนที่จะเข้าสู่การแข่งขัน สำหรับลำดับการแข่งขันจะมีลักษณะดังนี้

ช่วงที่ 1 ใบ้บันลือโลก

ลักษณะของเกมคือ ให้ทีมพิธีกรและทีมแขกรับเชิญส่งตัวแทน 1 คนมาใบ้คำต่าง ๆ ภายในเวลา 1 นาที ส่วนดารา,พิธีกรอีก 2 คนที่เหลือ(พิธีกรอีก 1 คนจะไม่ได้เล่น)จะต้องทายคำที่ผู้ใบ้นั้นใบ้ (ซึ่งต่อมาได้เหลือผู้ทายเพียงคนเดียว) โดยคนที่ใบ้นั้น จะใบ้โดยมีอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความยากลำบากในการใบ้ ซึ่งผู้ที่เป็นคนใบ้ จะต้องใบ้พร้อมกับทำกับอุปสรรคที่เตรียมไว้ให้ ในการใบ้นั้นห้ามหลุดพูดคำๆนั้น, ใบ้โดยการเปลี่ยนภาษา(เช่นข้าวโพด-ป๊อบคอร์น) หรือการผวนคำที่ใบ้โดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น คำๆนั้นจะฟาวล์ทันที ผู้ใบ้สามารถบอกข้ามได้ ทั้งสองทีมจะผลัดกันใบ้รอบละ 2 ครั้ง โดยที่รอบแรก คำละ 1 คะแนน และรอบ 2 คำละ 2 คะแนน ซึ่งอุปสรรคในการใบ้จะมี 2 อย่างต่อสัปดาห์ เมื่อรวมคะแนน ทีมใดมากกว่า จะเป็นฝ่ายชนะและได้ 1 คะแนนในรอบนี้

สำหรับตัวอุปสรรคนั้น ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้คนใบ้จะต้องใบ้คำพร้อมกับอุปสรรค เช่น การใบ้พร้อมกับกลิ้งบอลยักษ์ลงมา , การถูกผูกมัดที่แท่นแล้วโดนป้อนเฉาก๊วยไปใบ้คำไป , การใบ้คำโดยที่มีหมอนวดมาบีบนวด เป็นต้น ทั้งนี้ตัวอุปสรรคหรือตัวถ่วงความสามารถในการใบ้คำทั้ง 2 รอบจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 อุปสรรคหรือตัวถ่วงความสามารถในการใบ้เหลือเพียงเทปละ 1 อย่าง และใช้เวลาในการใบ้เพิ่มขึ้นเป็น 90 วินาที (อย่างไรก็ดี ในบางเทปจะมีเวลาในการใบ้ 60 วินาทีแทน) โดยทั้ง 2 ทีมจะได้ใบ้คำทั้งหมด 10 คำ (ถึงแม้จะไม่มีการบอกจำนวนคำที่แน่นอน แต่หากนับดีๆ เมื่อมีผู้ที่ใบ้เกิดข้าม แล้วเล่นได้ถึง 10 คำ คำใบ้จะย้อนกลับมาที่คำที่ข้ามไป)

และตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2552 การเก็บคะแนนนั้น หากฝ่ายดารารับเชิญชนะทีมพิธีกร จะได้รับลูกเหม็นนำโชค 1 ลูก หากทีมดารารับเชิญแพ้ทีมพิธีกรก็จะไม่ได้ลูกเหม็นนำโชคไป แต่ในกรณีที่ทีมดารารับเชิญได้คะแนนเท่ากับทีมพิธีกร ทั้งสองทีมจะต้องแข่งเกมตัดสินเพื่อหาผู้ชนะ และตัดสินว่าทีมดารารับเชิญจะได้ลูกเหม็นนำโชคหรือไม่ หากทีมดารารับเชิญชนะก็จะได้ลูกเหม็นนำโชคไป หากแพ้ก็จะไม่ได้ลูกเหม็นนำโชคเช่นกัน

ช่วงที่ 2 รถไฟรัก

ในช่วงนี้ ทางรายการจะเชิญผู้ชมทางบ้านที่กำลังจะบอกรักให้แก่ผู้ที่ต้องการบอกรัก โดยจะมีพิธีกรพิเศษคือลุงพันที่ทำหน้าที่เป็น นายสถานีโดยทำหน้าที่ดำเนินรายการในส่วนนี้ ทางรายการจะบอกประวัติทั้งฝ่ายบอกรักและฝ่ายถูกบอกรักจากผู้ชมทางบ้าน โดยเริ่มจาก ฝ่ายถูกบอกรักก่อน และตามด้วยฝ่ายบอกรัก ซึ่งฝ่ายที่บอกรัก จะต้องมานั่งรถไฟ และให้ฝ่ายที่ถูกบอกรักจะยืนอยู่ที่ปลายรางรถไฟ โดยมีหน้าที่ตัดสินใจว่าจะรับรักกับฝ่ายบอกรักหรือไม่ โดยฝ่ายบอกรักจะพยายามบอกความในใจที่มีทั้งหมดในเวลา 1 นาที (ช่วงที่รถไฟออกมาจากอุโมงค์จนจอดที่ทางแยก) ส่วนฝ่ายถูกบอกรักจะมีคันโยกให้เลือกสับไปทาง YES กับ NO ถ้าฝ่ายถูกบอกรัก ต้องการที่จะรับรัก จะโยกไปที่ YES (รถไฟของฝ่ายบอกรักก็จะหยุดมาที่ฝ่ายถูกบอกรักปลายทาง) แต่ถ้าปฏิเสธรัก จะโยกไปที่ NO (รถไฟของฝ่ายบอกรักก็จะเลี้ยวออกไปจากรายการทันที)

ในกรณีที่ฝ่ายถูกบอกรักสับคันโยกไปทาง YES ทั้งฝ่ายบอกรัก และฝ่ายถูกบอกรักจะได้รับรางวัลเป็นแพ็กเก็จถ่ายภาพคู่ที่ Wedding Castle Studio,บัตรล่องเรือและรับประทานอาหาร และบัตรชมภาพยนตร์

ในส่วนของการแข่งขัน ทีมดารารับเชิญจะต้องทายว่า ฝ่ายถูกบอกรักจะสับคันโยกไปที่ YES หรือ NO ถ้าทีมดารารับเชิญตอบถูกได้ 1 คะแนนและทีมดารารับเชิญตอบผิด 1 คะแนนไปตกกับทีมพิธีกรทันที

แต่ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2552 หากทีมดารารับเชิญตอบถูกรับลูกเหม็นนำโชค 1 ลูก หากตอบผิดก็จะไม่ได้ลูกเหม็นนำโชคไป

ช่วงที่ 3 ช่วงตัดสิน (ลูกเหม็นนำโชค)

ทีมดารารับเชิญจะเลือกแผ่นป้ายตัดสินคะแนน ซึ่งคะแนนที่ได้จากการแข่งขันจะตัดสินจำนวนป้ายว่าจะเปิดกี่ป้าย โดยถ้าฝ่ายใดได้คะแนนจากทั้ง 2 เกม จะได้เปิด 2 แผ่นป้าย อีกทีมหนึ่งจะได้เลือก 1 แผ่นป้าย แต่ถ้าทั้งสองทีมชนะทีมละเกม จะมีสิทธิ์เลือกทีมละ 1 แผ่นป้ายโดยแผ่นป้ายป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย มีแผ่นป้าย 0-9 อย่างละ 1 ป้าย แผ่นป้ายโชคดีเป็นรูปใบหน้าคนยิ้มและแผ่นป้ายโชคร้ายเป็นรูปหัวกะโหลกอย่างละ 1 แผ่นป้าย ทีมดารารับเชิญจะต้องเลือกแผ่นป้าย ให้ทีมพิธีกรก่อนแล้วค่อยเลือกให้ทีมตัวเอง (ยกเว้นในกรณีที่พิธีกรได้เลือก 2 แผ่นป้าย ทีมดารารับเชิญจะต้องเลือกให้ตัวเองก่อน)วิธีการตัดสินคือ ฝ่ายใดได้คะแนนมากกว่าจะได้มิสิทธิ์เป็นฝ่ายเลือกล้วงลับฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายตัวเอง อีกกรณีหนึ่ง ถ้าฝ่ายใดได้รูปโชคดี จะเป็นฝ่ายชนะและสามารถเลือกล้วงลับฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายตัวเองได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเจอป้ายโชคร้าย จะเป็นฝ่ายแพ้ไป อีกฝ่ายจะมีสิทธิ์เลือกล้วงลับฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายตัวเองได้ โดยเลือกใครคนหนึ่งหรือทั้งสามคนมาล้วงความลับ

ในกรณีที่ได้เลือกสองแผ่นป้าย หากเป็นป้ายคะแนนทั้งสองใบ จะทำการรวมคะแนนของทั้งสองป้ายเพื่อสู้กับป้ายคะแนนแผ่นเดียวของทีมตรงข้าม (หากเปิดได้คะแนนรวมเท่ากับแผ่นป้ายเดียวของทีมตรงข้าม จะถือว่าทีมที่เปิดสองแผ่นชนะไป) แต่ถ้าเปิดสองแผ่นป้ายแล้ว แผ่นแรกเจอโชคดีหรือโชคร้าย จะถือว่าจบเกมแล้วให้ตัดสินผลจากป้ายนั้นเลย (เช่นแผ่นแรกเป็นโชคร้ายจะแพ้ทันที แม้แผ่นต่อมาจะเป็นโชคดีก็ตาม)

ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2552 จะใช้วิธีตัดสินจากการสะสมลูกเหม็นนำโชคของทีมดารารับเชิญโดยการเล่นเกมใน 2 รอบ ทั้งรอบใบ้บันลือโลกและรอบรถไฟรักนั้น จะนำมาสู่การตัดสินว่าทีมใดจะถูกล้วงลับโดยการตีลูกเหม็นนำโชค ซึ่งมีวิธีการตัดสินดังนี้

  • กรณีสะสมลูกเหม็นนำโชคได้ ให้ดารารับเชิญ 1 คนมาตีลูกเหม็นนำโชคให้แตก
    • หากตีแตก ทีมดารารับเชิญจะมีสิทธิ์เลือกล้วงลับทีมพิธีกร หรือล้วงลับตัวเองก็ได้
    • หากตีไม่แตก ทีมดารารับเชิญจะถูกล้วงลับทันที
  • กรณีที่ไม่สามารถสะสมลูกเหม็นได้เลย ทีมดารารับเชิญจะถูกล้วงลับทันทีเช่นกัน

ช่วงที่ 4 ล้วงลับตับแตก

ช่วงนี้ ผู้ที่ถูกล้วงลับจะต้องมานั่งอยู่บนเครื่องจับเท็จ ซึ่งจะมีโปรแกรมวัดการเต้นของหัวใจ, ชีพจร และลมหายใจ โดยมีกล้องจับลักษณะท่าทางของผู้ที่ถูกล้วงลับ นอกจากนี้ ยังจะมีผู้เชี่ยวชาญในทางด้านการจับเท็จทั้ง 3 ท่านมาเป็นผู้ตัดสินด้วย สำหรับการล้วงลับนั้น ทางรายการจะมีคำถามล้วงลับ 3 คำถาม ในแต่ละคำถามจะมีดาราคนหนึ่ง มาพูดเรื่องความลับว่า ผู้ที่ถูกล้วงลับมีความลับแบบนี้จริงหรือไม่ โดยที่ผู้ที่ถูกล้วงลับจะต้องตัดสินใจว่าจะตอบอย่างไรโดยไม่ให้จับเท็จได้ หรือตอบคำถามจากผู้ที่ถามในแต่ละข้อ

เมื่อเสร็จสิ้นการตอบคำถามล้วงลับ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจับเท็จทั้ง 3 ท่านจะทำการประเมินผลว่าจะให้ผ่านหรือไม่ผ่าน (การประเมินว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น ขึ้นอยู่กับผลการจับเท็จของผู้ถูกล้วงลับแต่ละคน ถ้าผู้เชี่ยวชาญให้ผ่านหมดทั้ง 3 คน จะถือว่าผ่าน แต่ถ้ามีผู้ถูกล้วงลับอย่างน้อย 1 คนที่ไม่ผ่าน ก็จะถือว่าไม่ผ่านทั้งหมด)ถ้า "ไม่ผ่าน" จะเป็นฝ่ายที่ "ตับแตก" แต่ถ้า "ผ่าน" ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นฝ่าย "ตับแตก" หลังจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจับเท็จแต่ละท่านจะให้ความเห็นและประเมินการตอบคำถามล้วงลับของผู้ถูกล้วงลับว่าสาเหตุใดถึงให้ผ่านหรือไม่ผ่าน ฝ่ายที่ตับแตก ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้ จะต้องถูกลงโทษด้วย สิ่งต่าง ๆ ที่ทางรายการได้เตรียมไว้ให้ และลงโทษฝ่ายตับแตกทุกคน

ตั้งแต่เทปวันที่ 23 กรกฎาคมเป็นต้นมา คชาภา ตันเจริญ ได้เป็นพิธีกรประจำช่วงล้วงลับตับแตก โดยสาเหตุมาจากเทปวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งในช่วงล้วงลับตักแตก นี้ คชาภา ได้ถูกพิธีกรให้เป็นผู้ถูกล้วงลับ ในระหว่างที่พิธีกรกำลังล้วงลับคำตอบอยู่นั้น คชาภาได้เอ่ยปากขอร้องอยากเป็นพิธีกรประจำช่วงล้วงลับตับแตก กลางรายการพร้อมกับเอ่ยปากที่จะไม่รับค่าตัวพิธีกร โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากรูปแบบเกมช่วงล้วงลับตับแตกเป็นที่น่าสนใจของคชาภา และประกอบกับคำท้าทายของกรรชัย ทำให้คชาภาได้เป็นพิธีกรประจำช่วงดังกล่าวในเทปต่อมา

กรรชัยมักเรียกชื่อของช่วงที่ 4 ว่า ล้วงลับกับมดดำ

กรรชัยมักจะตั้งชื่อเล่นต่างๆให้ คชาภา เช่น "มดดำ พะโล้โจ้","มดดำ ปลาร้าเดือด","พญาเกย์ คชาภา","พญาเกย์ คชาภา เจ้าแห่งห่อหมก","มดดำ ฟรีแมน (ในเทปที่เด ฟรีแมนมา)" , "พญาเกย์ คชาภา พันลำ (ในเทปที่ดัง พันกรมา)" , "พญาเกย์ ตุ๊ดตะนอย" เป็นต้น

รอบสะสมเงินรางวัล

ดารารับเชิญทั้ง 3 คนจะมาทำการสะสมเงินรางวัลด้วยการเปิดแผ่นป้าย 10 แผ่นป้าย จะมีแผ่นป้ายงูเขียวกับตุ๊กแกอย่างละ 5 แผ่นป้าย กติกาการเล่นคือ ทีมดารารับเชิญเลือกแผ่นป้ายครั้งละ 1 ป้าย ป้ายแรกที่เปิดออกมาจะเป็นตัวตั้งในการเปิดป้ายต่อไปให้เหมือนกัน เช่น ถ้าป้ายแรกเปิดเจอ งูเขียว นั่นหมายความว่าจากนี้ไปจะต้องเปิดให้เจอ งูเขียว แต่ถ้าหากเปิดป้ายเจอรูปไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าเริ่มที่งูเขียว และป้ายต่อไปเป็น ตุ๊กแก เกมจะหยุดลงทันที และรับเงินรางวัลที่สะสมได้ ถ้าดารารับเชิญสามารถเปิดป้ายให้เหมือนกันติดต่อครบ 5 แผ่นป้าย จะได้รับรางวัลแจ็กพอต

สำหรับรอบสะสมเงินรางวัลนั้นเล่น 2 รอบ ซึ่งจะสะสมหลังจากเล่นเกมในรายการ (รอบใบ้บันลือโลก กับรอบรถไฟรัก) ในรอบแรก ป้ายละ 5,000 บาท ส่วนรอบที่สอง ป้ายละ 10,000 บาท ส่วนรางวัลแจ็กพอต รอบแรก 100,000 บาท และรอบที่สอง 200,000 บาท

และหลังจากที่แข่งขันกันมาทั้งหมดซึ่งผ่านรอบล้วงลับตับแตกแล้ว ทีมดารารับเชิญ จะมาเล่นรอบทวีคูณ โดยเลือก 1 ใน 9 แผ่นป้ายที่มีเลขทวีคูณอยู่คือ มีคูณ 1 (x1) และ คูณ 2 (x2) อย่างละ 4 แผ่นป้าย คูณ 3 (x3) อีก 1 ผ่านป้าย โดยที่ทีมดารารับเชิญจะต้องเลือก 1 แผ่นป้าย ไปคูณเงินรางวัลที่สะสมมาทั้ง 2 รอบ ถ้าเจอป้ายใด จะทวีคูณตามป้ายนั้น มีรางวัลแจ็คพอตสูงสุดถึง 900,000 บาท (ได้แจ๊คพอตจากรอบสะสมเงินรางวัลทั้งสองรอบแล้วคูณ 3) และต่ำสุดเพียง 15,000 บาท (เปิดได้เพียงแผ่นป้ายเดียวในรอบสะสมเงินรางวัลทั้งสองรอบแล้วคูณ 1)

ปัจจุบัน (ตั้งแต่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552) รอบสะสมเงินรางวัลจะถูกเรียกว่ารอบยกกำลัง 3 โดยมีกติกาคือ มีแผ่นป้ายทั้งหมด 9 แผ่นป้าย ซึ่งจะมีเงินรางวัล 10,000 บาท 20,000 บาท และ 30,000 บาท อย่างละ 3 แผ่นป้าย ดารารับเชิญทั้ง 3 คนจะมีสิทธิ์ในการสะสมเงินรางวัลโดยการเปิดแผ่นป้ายทั้งหมด 3 แผ่นป้าย เปิดได้เท่าไหร่ก็รับเงินรางวัลตามที่สะสมได้ แต่ในกรณีที่เปิดแผ่นป้ายออกมาเหมือนกันทั้ง 3 แผ่นป้าย (คือเปิดได้ 10,000 บาททั้ง 3 แผ่นป้าย เปิดได้ 20,000 บาททั้ง 3 แผ่นป้าย หรือเปิดได้ 30,000 บาททั้ง 3 แผ่นป้าย) เงินรางวัลจะกลายเป็น 100,000 บาททันที รางวัลแจ็คพอตสูงสุด 100,000 บาท และต่ำสุดเพียง 40,000 บาท