ประวัติ ของ วังจั่นน้อย_ส.พลังชัย

วังจั่นน้อยเป็นบุตรของนายหยาด และนางบุญ โสภาพ เรียนจบชั้นอนุปริญญาจากโรงเรียนรัตนพณิชยการ เริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ตระเวนชกมวยแถวบ้านเกิดจนมีชื่อเสียง จากนั้นจึงเดินทางเข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ อยู่ในสังกัดของทรงชัย รัตนสุบรรณ มีโอกาสขึ้นชกมวยหลายครั้ง จนมาเป็นที่รู้จักเมื่อ ชนะคะแนน นำพล หนองกี่พาหุยุทธ ได้ครองแชมป์มวยไทยรุ่นไลท์ฟลายเวท ของสนามมวยเวทีลุมพินี และฟลายเวท ถึง 4 สมัย ของเวทีเดียวกัน

ต่อมา วังจั่นน้อยสละแชมป์ และขยับมาชกในรุ่นที่สูงขึ้น ได้ครองแชมป์รุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวทของสนามมวยเวทีลุมพินี 5 สมัย ได้ชกกับนักมวยชื่อดังมากมาย เช่น สามารถ พยัคฆ์อรุณ, เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง, ฉมวกเพชร ช่อชะมวง, สำราญศักดิ์ เมืองสุรินทร์, ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ, โอเล่ห์ เกียรติวันเวย์ เป็นต้น เงินค่าตัวสูงสุดที่ได้รับคือ 260,000 แสนบาท เมื่อชกกับสามารถ พยัคฆ์อรุณ โดยในครั้งนั้นวังจั่นน้อยเป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนสามารถได้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 ที่เวทีลุมพินี ซึ่งทั้งคู่ชกเป็นคู่มวยประกอบรายการชิงแชมป์โลกมวยสากลของเมืองชัย กิตติเกษม กับเทรซี่ มาคาลอส เจ้าของตำแหน่งชาวฟิลิปปินส์ เมื่อกรรมการประกาศผลคะแนนออกมา สามารถได้ประกาศแขวนนวมไปทันทีบนเวที[2] นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาเมื่อ พ.ศ. 2536

วังจั่นน้อย ได้รับฉายาว่า "ไอ้หมัด 33 วิ" จากการเอาชนะน็อก นำขบวน หนองกี่พาหุยุทธ น้องชายของนำพล หนองกี่พาหุยุทธ ด้วยหมัดไปด้วยเวลาเพียง 33 วินาที ของยกแรกเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสถิติการชกที่รวดเร็วมาก[2] และยังมีอีกฉายาหนึ่งว่า "ไอ้หนุ่มชีวาส" เนื่องจากชอบสังสรรค์เฮฮา กินเลี้ยงกับเพื่อนฝูงด้วยวิสกี้ยี่ห้อชีวาสรีเกิล โดยเฉพาะหลังชกเสร็จ[1] และยังมีฉายาอื่นอีก เช่น "เมธีหมัดตรง" และ"พระกาฬละโว้"[3]

วังจั่นน้อยเลิกชกมวยเมื่อ พ.ศ. 2540 เพราะสภาพร่างกายไม่ไหว โดยชกครั้งสุดท้ายแพ้คะแนน แรมโบ้น้อย ช.ทับทิม จึงหันมาช่วยพี่ชายดูแลค่ายมวยเพชรอาภรณ์อยู่ระยะหนึ่งจึงไปเป็นครูมวยไทยที่ประเทศฝรั่งเศส พร้อมกับสลับชกไปด้วย เป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปีจึงกลับมาประเทศไทย ประกอบอาชีพส่วนตัวและช่วยพี่ชายทำค่ายมวย[4] ประสบความสำเร็จอยู่ระดับหนึ่ง โดยสร้างนักมวยชื่อดังขึ้นมาได้ส่วนหนึ่ง และได้เลิกในเวลาต่อมา

ปัจจุบัน วังจั่นน้อยเป็นเทรนเนอร์อยู่ที่ค่าย ช.ห้าพยัคฆ์ ที่คลอง 8 อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี [3]