วังตรอกสาเก
วังตรอกสาเก

วังตรอกสาเก

วังกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
เดิมเป็นบ้านพระยาพิชัยบุรินทรา เสนาบดีกรมเมืองวังหน้า เมื่อ พระยาพิชัยบุรินทราถึงอนิจกรรมและตกมาเป็นของหลวง กรมพระราชวังบวรมหาษักดิพลเสพย์ ประทานให้เป็นวังพระองค์เจ้าอินทวงศ์ เมื้อสิ้นพระชนม์แล้วในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้เป็นวังที่ประทับแก่พระเจ้าลูกเธอกรมหมื่นพิศาลบวรศักดิ์ เสด็จอยู่มาจนสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ ถึง รัชกาลที่ ๖ พระราชทานให้เป็นวังที่ประทับกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
วังนี้ แต่เดิมเรียกว่า วังสะพานเสี้ยวที่ ๕ อยู่ริมคลองหลอดเยื้องวัดบุรณศิริฝั่งตรงข้าม คลองหลอดเป็นคลองเล็ก ๆ ที่เชื่อมคลองคูเมืองเดิมไปออกคลองโอ่งอ่าง ที่เรียกว่าวังสะพานเสี้ยวก็เพราะอยู่ใกล้กับสะพานเสี้ยว คือสะพานผ่านพิภพลีลาศในปัจจุบัน เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น คลองหลอดที่ว่านี้ คือคลองที่อยู่ข้างวัดบุรณศิริ วังไม่ได้อยู่ริมคลองทีเดียว หน้าวังเป็นตรอกเริ่มตั้งแต่ด้านหลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ไปเชื่อมกับถนนตะนาวเรียกว่า “ตรอกสาเก” เนื่องจากเกือบสุดตรอกมีต้นสาเกต้นใหญ่ขวางอยู่ ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นตรอกตัน แต่ความเป็นจริงสามารถผ่านออกไปถนนตะนาวได้ ชาวบ้านก็เลยเรียกวังนี้ว่า “วังตรอกสาเก” ตัวตำหนักใหญ่เป็นไม้สองชั้นหลังคามุงกระเบื้องดินเผา มีตำหนักเล็ก ๆ หลังหนึ่งอยู่ริมรั้วก่อนถึงประตูทางเข้าตำหนักใหญ่ ภายในวังปลูกต้นสาเกไว้ด้วยเหมือนกันกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมนับเป็นเจ้านายรุ่นใหญ่ในบรรดาพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยุ่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงพระเมตตาชุบเลี้ยงไว้ใช้สอยใกล้พระองค์ โปรดให้ประทับอยู่ที่หมู่ตึกริมประตูรัตนพิศาลในพระบรมมหาราชวัง คือหมู่ตึกที่เคยเป็นกระทรวงการคลังในกาลต่อมา ในการเสด็จพระพาสต้นไปในที่ต่าง ๆ หรือเสด็จพระราชดำเนินไปต่างประเทศ มักจะได้รับเลือกให้ติดตามเสด็จด้วยเสมอ นับเป็นเจ้านายที่ทรงโปรดปรานพระองค์หนึ่ง และเมื่อต้องไปรับราชการในหัวเมือง เพื่อรักษาดินแดนไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสใน ร.ศ. ๑๑๒ และเป็นแม่ทัพใหญ่ปราบจีนฮ่อในมณฑลลาวพวนจนสงบราบคาบ ก็จะประทับอยู่ในต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังโปรดเกล้าฯ ให้เป็นข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ตั้งกองบัญชาการมณฑลลาวพวนที่บ้านหมากแข้ง ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองจนได้ยกฐานะเป็นเมืองอุดรธานีพ.ศ. ๒๔๔๒ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ และได้กราบบังคมทูลลาออกจากราชการเนื่องจากพระพลานามัยไม่ดี และกลับมาประทับในพระบรมหาราชวังตามเดิมในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๖ มีพระราชประสงค์ใช้หมู่อาคารที่ประทับกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมเป็นสถานที่ราชการจึงได้โปรดฯ พระราชทานวังสะพานเสี้ยวให้กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมเป็นที่ประทับ เสด็จอยู่ต่อมาจนตลอดพระชนม์ชีพ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๗ พระชันษา ๖๘ ปีเศษ ปัจุจบันวังตรอกสาเก ยังเป็นที่อยู่ของลูกหลานเชื้อสายราชสกุลทองใหญ่สิ่งปลูกสร้างภายในวัง