ปัจจุบัน ของ วังลักษมีวิลาศ

ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระนางเธอลักษมีลาวัณ วังได้ถูกทิ้งร้างอยู่นานเป็นปีด้วยเหตุลอบปลงพระชนม์เจ้านายกลายเป็นข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ยุคนั้น วังจึงถูกทิ้งไว้จนรกร้างวังเวง ประกอบกับมีเรื่องโจษขานถึงวิญญาณของผู้เป็นเจ้าของสถานที่ตามความเชื่อแบบไทยๆ จึงไม่มีทายาทคนใดกล้าเข้ามาพำนักที่วังนี้ ต่อมานายฮาโรลด์ และนางโรส รีฟส์ มิชชั่นนารีจากคริสตจักรแบ๊บติสต์ในสหรัฐอเมริกาที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนาในเมืองไทย กำลังมองหาที่ตั้งถาวรเพื่อสร้างอาคารศูนย์รวมนักศึกษาแบ๊บติสต์ จนกระทั่งมาพบที่ดินวังเก่าของพระนางเธอลักษมีลาวัณเข้า จึงมีการเจรจาขอซื้อที่ดินผืนนี้จากทายาทผู้สืบมรดกและสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ครั้งนั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระเชษฐาของพระนางเธอลักษมีลาวัณ ได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอพระบรมราชานุญาตขายที่ดินผืนนี้ ที่ดินผืนนี้จึงตกเป็นสมบัติของคริสตจักรแบ๊บติสต์

เมื่อมีการบูรณะอาคารในที่ดินวังลักษมีวิลาศแล้วเสร็จ ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์เสด็จมาทรงเป็นประธานในพิธี อีก 3 ปีต่อมาศูนย์รวมนักศึกษาแบ๊บติสต์จึงได้ทำการปรับปรุงใหม่โดยก่อสร้างเป็นอาคารถาวร 4 ชั้นบนที่ดินดังกล่าว และคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้[1]