วัฏจักรการแทนที่กำแพงตา
วัฏจักรการแทนที่กำแพงตา

วัฏจักรการแทนที่กำแพงตา

วัฏจักรการแทนที่กำแพงตา (อังกฤษ: Eyewall replacement cycle) หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า วัฏจักรกำแพงตาร่วมศูนย์กลาง (Concentric eyewall cycle) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรง โดยทั่วไปจะเป็นพายุที่มีความเร็วลมมากกว่า 185 กม./ชม. เมื่อพายุหมุนเขตร้อนถึงความรุนแรงที่ระดับนี้ กำแพงตาจะหดตัวลง หรือจะมีขนาดเล็กลงพอสมควรแล้ว บางส่วนของแถบเมฆฝนด้านนอก (Outer rainband) อาจจะทวีกำลังแรงขึ้นและจัดระเบียบตัวเองเป็นวงแหวนเมฆฝนฟ้าคะนอง (Ring of thunderstorm) คือเป็นกำแพงที่ล้อมอยู่ด้านนอก ซึ่งจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าหากำแพงตาที่อยู่ด้านใน และแย่งเอาโมเมนตัมเชิงมุมรวมถึงความชื้นที่จำเป็นต่อกำแพงตาด้านในไป เนื่องจากจุดที่ลมแรงที่สุดของพายุหมุนอยู่ภายในกำแพงตา ทำให้พายุหมุนเขตร้อนมักจะอ่อนกำลังลงในช่วงเวลานี้ ที่กำแพงด้านในนั้น "ถูกอุดตัน" จากกำแพงด้านนอก จนในที่สุด กำแพงตาด้านนอกจะเข้าแทนที่กำแพงตาด้านในโดยสมบูรณ์ และพายุอาจจะกลับขึ้นมาทวีกำลังอีกครั้งหนึ่ง[1]การค้นพบกระบวนการนี้มีผลบางส่วนในการสิ้นสุดลงของโครงการสตอร์มฟิวรีเพื่อทดลองการปรับเปลี่ยนพายุเฮอร์ริเคน โดยรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งโครงการนี้ได้ทำการเร่งเร้าสภาพอากาศให้เกิดฝน (Cloud seeding) ที่ด้านนอกของกำแพงตา และได้ชัดแจ้งว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดการก่อตัวของกำแพงตาอันใหม่และการอ่อนกำลังลงของพายุ เมื่อได้ค้นพบแล้วว่ากระบวนการนี้เป็นกระบวนการตามธรรมชาติในการเปลี่ยนแปลงของพายุเฮอร์ริเคนเอง โครงการนี้จึงถูกล้มเลิกอย่างรวดเร็ว[2]พายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงเกือบทุกลูกมักจะเข้าสู่วัฏจักรนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง การศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เกือบครึ่งของพายุหมุนเขตร้อนทั้งหมด และเกือบทั้งหมดของพายุหมุนเขตร้อนที่มีความเร็วลมต่อเนื่องมากกว่า 204 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะประสบกับวัฏจักรการแทนที่กำแพงตา[3] ตัวอย่างเช่น พายุเฮอร์ริเคนเอลเลน ในปี พ.ศ. 2523 มีการเกิดวัฏจักรการแทนที่กำแพงตาซ้ำ ๆ กัน ผันแปรระหว่างสถานะพายุระดับ 5 และระดับ 3 ตามมาตราเฮอร์ริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สันหลายครั้ง พายุเฮอร์ริเคนจูลีเอตต์ เป็นกรณีศึกษาหายากของพายุที่มีกำแพงตาสามขั้น[4] พายุไต้ฝุ่นจูน ในปี พ.ศ. 2518 เป็นพายุลูกแรกที่ถูกรายงานว่ามีกำแพงตาสามขั้น[5]

แหล่งที่มา

WikiPedia: วัฏจักรการแทนที่กำแพงตา http://www.aoml.noaa.gov/hrd/tcfaq/D8.html http://journals.ametsoc.org/doi/abs/10.1175/MWR-D-... //doi.org/10.1007%2FBF02656667 //doi.org/10.1175%2FBAMS-85-11-1663 //doi.org/10.1175%2FMWR-D-11-00034.1 //www.worldcat.org/issn/0027-0644 https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/1987AdAtS...4..1... https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2004BAMS...85.16... https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2011MWRv..139.38...