เมนูนำทาง
วัดกลางสุรินทร์ ประวัติวัดกลางสุรินทร์ภูมิศาสตร์เมืองสุรินทร์ ก่อนกล่าวถึงเรื่องวัดกลาง ใคร่กล่าวถึงภูมิศาสตร์ของเมืองสุรินทร์ อันเป็นมูลแห่งการสร้างวัดกลางตามควรแก่กรณีเมืองสุรินทร์เป็นเมืองโบราณ มีชื่อเรียกว่า คูประทาย หรือ ไผทสมัน มีกำแพงและคูล้อมชั้นใน เป็นรูปวงกลม วัดผ่าศูนย์กลางจากตะวันออกสู่ตะวันตกประมาณ 22 เส้นจากทิศเหนือจดใต้ประมาณ 26 เส้น มีกำแพงและคูชั้นนอกอีกชั้นหนึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมวงรี ๆ รวมเป็นกำแพง 2 ชั้น ภูมิประเทศภายในเขตกำแพงชั้นในส่วนมากเป็นที่ลุ่ม บางแห่งมีน้ำขังอยู่ตลอดฤดูหนาว ที่เป็นเนินมีบริเวณจากซอยตาดอกทอดไปทางทิศตะวันออกจดวัดบูรพารามด้านทิศใต้แค่บริเวณถนนหลักเมือง เนินที่สูงสุดตรงบริเวณทิศใต้ตลาดเทศบาล ชาวบ้านเรียกคนแถบนี้ว่า “คุ้มโคกสูง”วัดที่มีอยู่ในตัวเมืองสุรินทร์ ที่เป็นวัดโบราณเก่าแก่มี 9 วัด ที่สร้างขึ้นใหม่เฉพาะในเขตเทศบาลมี2 วัด วัดทั้ง 10 นี้ตั้งอยู่ดังนี้
วัดกลางและวัดบูรพาราม ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงชั้นใน วัดจำปา, วัดศาลาลอย วัดจุมพลสุธาวาส, วัดพรหมสุรินทร์ และวัดโคกบัวราย (ตั้งใหม่) ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงชั้นนอกและวัดที่ตั้งอยู่นอกกำแพงชั้นนอกมี วัดหนองบัว, วัดประทุมเมฆ และวัดเทพสุรินทร์ (สร้างใหม่) วัดทั้ง 8 ล้วนเป็นวัดโบราณไม่มีประวัติจารึกว่า วัดใดสร้างขึ้นเมื่อใดแน่นอนอนึ่ง ภายในเขตกำแพงและคูเมืองชั้นใน มีที่พอสันนิษฐานว่า เคยเป็นวัดมาก่อน 4 แห่งคือ
การก่อตั้งวัดกลางสุรินทร์ วัดกลางสุรินทร์ ได้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อใดใครเป็นผู้สร้าง เจ้าอาวาสองค์แรกและองค์ต่อ ๆ มามีชื่ออย่างไรบ้าง ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดแต่สถานที่ตั้งวัดนั้นพอมีเหตุผลที่น่าเชื่อดังนี้เมืองสุรินทร์มีกำเนิดมาแต่ครั้งใด นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า หลายร้อยปีมาแล้วโดยมีชื่อเดิมว่า ไผทสมัน ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2306 เชียงปุมซึ่งเดิมอยู่บ้านเมืองที ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระสุรินทร์ภักดี และย้ายมาอยู่ที่ไผทสมัน เมืองนี้จึงได้ชื่อว่าเมืองสุรินทร์ ตามบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมืองในการอพยบครั้งแรก สันนิษฐานว่า ได้เริ่มกำหนดตั้งสถานที่หลักเมืองขึ้นโดยถือเนื้อที่ส่วนกลางของเมืองจริง ๆ กล่าวคือประมาณอาณาเขตภายในคูกำแพงเมืองชั้นใน จากทิศตะวันออกจดทิศตะวันตก และจากทิศเหนือจดทิศใต้ มีศูนย์กลางตรงที่ตั้งหลักเมืองในปัจจุบันพอดี ถนนสายนี้เกิดขึ้นในสมัยหลังส่วนจวนเจ้าเมืองนั้น ตั้งเยืองจากศาลเจ้าหลักเมืองมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตรงบริเวณตลาดเก่า ตรงหน้าวัดกลางปัจจุบัน หรือบริเวณหลังโรงแรมโมเมเรียลทั้งหมดเป็นบริเวณจวนเจ้าเมืองมาแต่เดิม แต่ปัจจุบันนี้เป็นที่ของเอกชนหมดแล้ววัดกลาง น่าจะเริ่มได้รับการก่อสร้างขึ้นในสมัยนี้ ทั้งนี้เนื่องจากตั้งในเนื้อที่แนวเดียวกับจวนเจ้าเมือง ด้านทิศตะวันออกขนานกับจวนเจ้าเมือง โดยมีทางขั้นกลางระหว่างจวนเจ้าเมืองกับวัด ปัจจุบันทางสายนี้ คือถนนธนสารซึ่งเป็นทางสายเดียว ที่ตัดกลางเมืองทอดจากกำแพงด้านเหนือจดด้านใต้ และมีถนนสายหลักเมืองผ่ากลางจากตะวันออกสู่ตะวันตก ตัดกันเป็นสี่แยกหลักเมือง ถนนสองสายนี้เป็นถนนดังเดิมของเมืองสุรินทร์การวางผังเมืองของเจ้าเมืองสุรินทร์ เข้าใจว่า ได้เพ่งถึงจุดศูนย์กลางของตัวเมืองและสร้างจวนในบริเวณดังกล่าว ที่แห่งนี้เป็นเนินสูง
ข้อยืนยันว่า เจ้าเมืองสุรินทร์คนแรกเป็นผู้สร้างวัดกลางสุรินทร์ มีเหตุผลประกอบดังนี้
หลังจากเชียงปุมได้รับพระราชทานยศและตำแหน่ง กลับมาสู่บ้านเดิมที่เมืองที และเห็นว่าที่บ้านเมืองทีเป็นบ้านเล็ก ชัยภูมิไม่เหมาะสมจึงย้ายมาตั้งเมืองที่คูประทาย เมื่อกำหนดที่ตั้งจวนแล้วก็วางผังการสร้างวัดเคียงข้างกับเขตจวน ทางทิศตะวันออกการตั้งวัดนี้ น่าจะเป็นการเลียนแบบข้าราชการทหารในสมัยนั้น ที่กลับจากการทำศึกสงครามก็มีการสร้างวัด ซึ่งการสร้างวัดนี้แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ก็สร้างมาก ข้าราชบริพารก็สร้างเช่นกัน จนมีคำกล่าวในสมัยนั้นว่า “สร้างวัดให้ลูกเล่น” เจ้าเมืองสุรินทร์ได้สร้างวัดขึ้นเป็นความนิยมตามสมัยนั้น เป็นการเลียนแบบจากส่วนกลางก็ได้เจ้าเมืองอาจตั้งความประสงค์ว่า เมื่อสร้างเมืองก็สร้างวัดเป็นคู่บ้านคู่เมืองด้วย จึงกำหนดพื้นที่วัดกลางติดกับเขตจวนการปฏิบัติราชการในสมัยนั้น ไม่มีศาลากลางเป็นเอกเทศใช้จวนเป็นที่ราชการด้วย เมื่อมีการชุมนุมเรื่องข้าราชการก็ใช้บริเวณวัดเป็นที่ชุมนุมเป็นความสะดวกสบายโดยตลอด วัดกลางได้เป็นที่ร่วมประชุมของทางราชการตลอดในสมัยนั้น รวมทั้งการระดมพลตามที่กล่าว ณ เบื้องต้นว่า เรื่องมีปรากฏซากอิฐเก่าที่ “โคกโพธิ์” คือบริเวณตั้งโรงเรียนราษฎร์บำรุงว่า เคยเป็นที่ตั้งวัดมาแต่เดิม เมื่อพระสุรินทร์มาสร้างเมืองแล้วเมื่อมีการวางผังเมืองและกำหนดที่วัด โดยท่านเจ้าเมืองอาจโยกย้ายวัดนี้มาตั้งเป็นวัดกลางก็ได้ ทั้งนี้โดยเหตุผลตามคติพื้นบ้านถือว่า การสร้างวัดต้องให้อยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน จึงจะเป็นมงคล วัดอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน ถือว่าเป็นอัปมงคล วัดอยู่ทางทิศเหนือหรือใต้หมู่บ้านไม่ถือเป็นเรื่องเสียหาย อาจจะเป็นเพราะเหตุที่เจ้าเมืองสร้างจวนอยู่ทางทิศตะวันออกวัด จึงย้ายวัดจากทิศตะวันตกมาตั้งทิศตะวันออก แต่ทั้งนี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานอาจจะร้างไปเอง และวัดกลางก็อาจตั้งขึ้นใหม่ก็ได้ แต่เหตุผลที่ยืนยันมานั้นพอกล่าวได้ว่า วัดกลางเกิดในสมัยพระสุรินทร์คนแรกแน่นอน เพราะปรากฏเรื่องของเจ้าเมืองดังกล่าวแล้ว
วัดกลางสุรินทร์ ได้รับการพระราชทานวิสุงคามสีมา
วัดกลาง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานวิสุงคามสีมา ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๘๒ ตอนที่ ๒๔ ๑๙ มีนาคม ๒๕๐๘ ฉบับพิเศษ หน้า ๑๘ และบัญชีรายชื่อวัดที่ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา งวดที่ ๑ ประจำปี ๒๕๐๘ ลำดับที่ ๙๔ วัดกลาง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ กำหนดเขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๒๗ เมตร ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๘๒ ตอนที่ ๒๔ ๑๙ มีนาคม ๒๕๐๘ ฉบับพิเศษ หน้า ๒๒[2]
ประเพณีที่เกิดขึ้นในวัด
วัดกลางสุรินทร์มีอุโบสถ สร้างด้วยอิฐโบกปูนแบบโบราณ ไม่มีปูนซีเมนต์เช่นปัจจุบัน เป็นโครงสวยงามในสมัยโบราณมาแล้ว วัดกลางเป็นศูนย์งานราชการ เช่นการเกณฑ์คนมาเพื่อกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง มีเกณฑ์ทหารเป็นต้น งานประเพณีของชาวบ้านที่ต้องชุมนุม และที่เกี่ยวกับด้านศาสนาดังนี้
อาณาบริเวณของวัดกลางสุรินทร์ ในสมัยก่อนมีความกว้างขวาง จดเขตติดต่อถึงวัดบูรพาราม แต่เนื่องจากความล้มลุกคลุกคลานของวัดประกอบด้วยการครอบครองที่ดินของวัดด้วยมือเปล่า เมื่อทางราชการได้มีการวางผังเมืองขึ้น ที่ดินของวัดมีสภาพรกร้างว่างเปล่าครอบครองไม่ทั่วถึง ทางราชการได้ถือเอาที่ดินทางบริเวณทิศใต้สระของวัดทั้งหมดเป็นที่ราชพัสดุของกระทรวงยุติธรรม คงปล่อยเพียงสระน้ำให้เป็นของวัด โดยที่ไม่มีใครชี้แจงคัดค้านชี้แนวเขตของวัดประกอบชาวเมืองสุรินทร์สมัยนั้น ก็คือชาวบ้านที่ไร้การศึกษา ไม่มีความเจริญทางภาษาที่พูด ใช้ภาษาท้องถิ่นคือภาษาเขมร ไม่มีความรู้ภาษาไทยเลย ข้าราชการในสมัยนั้นชาวบ้านรู้สึกว่าเป็นเจ้านายไม่กล้าคัดค้านถกเถียงข้าราชการ จะพูดอะไรได้ตามใจชอบเพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง แม้ภิกษุสงฆ์ก็ไม่ต่างจากชาวบ้าน
เมนูนำทาง
วัดกลางสุรินทร์ ประวัติวัดกลางสุรินทร์ใกล้เคียง
วัดกลางสุรินทร์ วัดกลางบางแก้ว วัดกลาง (จังหวัดสมุทรปราการ) วัดกลางเวียง วัดกล้าชอุ่ม วัดกลางวรวิหาร วัดกลาง (อำเภอเมืองขอนแก่น) วัดกลางเกร็ด วัดกลางคลองสี่ วัดกลาง (จังหวัดกาฬสินธุ์)แหล่งที่มา
WikiPedia: วัดกลางสุรินทร์ http://www.angelfire.com/nm/analai2/surin.html http://www.watsurin.com/index_view_watsurin.php?Id... http://radio.prd.go.th/surin/ewt_news.php?nid=97&f... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2503/D/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2508/D/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2516/D/... https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2281591443...