อาคารเสนาสนะ ของ วัดบางอ้อยช้าง

อุโบสถประดิษฐานพระประธาน พระพุทธรูปสลักด้วยศิลาแลงสมัยสุโขทัย และถอดได้เป็นท่อน ๆ อายุประมาณ 600 ปี สันนิษฐานว่าเอาแบบมาจากลังกา เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานในอุโบสถหลังเก่าที่มีลักษณะเป็นแบบมหาอุตย์จนถึง พ.ศ. 2495 จึงได้อันเชิญมายังอุโบสถหลังใหม่ ภายในพระอุโบสถหลังใหม่ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เขียนขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ. 2549 ด้วยสีอะครีลิก ลักษณะของภาพแบ่งเป็น 4 ผนังคือ ผนังด้านที่ 1 ตอนมหาสุบินนิมิต ตอนประสูติ ตอนมหาภิเษกรมณ์ ตอนตรัสรู้ ผนังด้านที่ 2 ตอนเสด็จโปรดปัญจวคีย์ ตอนแสดงปาฏิหาริย์ ตอนเสด็จลงจากดาวดึงส์ ตอนปรินิพพาน ผนังด้านที่ 3 (ผนังหุ้มกลองหลังพระประธาน) วาดเรื่องไตรภูมิ และผนังด้านสุดท้าย (ผนังหุ้มกลองด้านหน้าพระประธาน) วาดเป็นตอนมารผจญ นอกจากเนื้อหาพุทธประวัติยังสอดแทรกประวัติศาสตร์ของวัดบางอ้อยช้าง เช่น ภาพวาดตอนรัชกาลที่ 5 เสด็จมาบำเพ็ญพระราชกุศลทางชลมารค เป็นต้น

รอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย ประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปที่สร้างปี พ.ศ. 2535 รอยพระพุทธบาท หล่อด้วยทองสำริดขนาด 54 นิ้ว กว้าง 19.5 นิ้ว หนัก 190 กิโลกรัม คาดว่ารอยพระพุทธบาทพบโดยท่านพระอธิการทองอยู่ เจ้าอาวาสวัดองค์แรก ที่ได้ธุดงด์ไปทางเหนือ เมื่อ พ.ศ. 2339

ศาลาการเปรียญ มีภาพจิตรกรรมลวดลายทองรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาบนฝ้าเพดานไม้เหนือศีรษะ สันนิษฐานว่าน่าจะมีมานานแล้ว ภายในมีธรรมาสน์บุษบกยอดมหากฐินที่เป็นศิลปะสมัยอยุธยา[2]

ใกล้เคียง