วัวแดง เป็น
วัวป่าชนิดหนึ่ง มี
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bos javanicus รูปร่างคล้าย
วัวบ้าน (B. taurus) ทั่วไป แต่มีลักษณะสำคัญที่ต่างไปจากวัวบ้านและ
กระทิง (B. gaurus) คือ มีวงก้นขาวทั้งในตัวผู้และตัวเมีย มีเส้นขาวรอบจมูก ขาทั้ง 4 ข้างมีสีขาวตั้งแต่หัวเข่าจนถึงกีบเท้า ระหว่างโคนขาของตัวผู้ไม่มีขน แต่เป็นหนังตกกระแข็ง ๆ เรียกว่า "กระบังหน้า" ความยาวลำตัวและหัวประมาณ 190–255 เซนติเมตร หางยาว 65–70 เซนติเมตร สูงประมาณ 155–165 เซนติเมตร และมีน้ำหนักราว 600–800 กิโลกรัม พบใน
พม่า, ไทย,
อินโดจีน,
ชวา,
บอร์เนียว, เกาะ
บาหลี,
ซาราวัก,
เซเลบีส สำหรับ
ประเทศไทยเคยพบได้ทุกภาค วัวแดงกินหญ้าอ่อน ๆ ใบไผ่อ่อน หน่อไม้อ่อน ลูกไม้ป่าบางชนิด ใบไม้ ยอดอ่อนของพืช และดอกไม้ป่าบางชนิด ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3
ชนิดย่อย ได้ดังนี้ วัวแดงชอบหากินอยู่เป็นฝูง ไม่ใหญ่นัก ราว 10–15 ตัว ปกติจะเริ่มออกหากินตั้งแต่ตอนพลบค่ำไปจนถึงเช้าตรู่ บางครั้งอาจเข้าไปรวมฝูงกับกระทิงและ
กูปรี (B. sauveli) กลางวันนอนหลบตามพุ่มไม้ทึบ ชอบอยู่ตามป่าโปร่งหรือป่าทุ่ง ชอบกินดินโป่งไม่ชอบนอนแช่ปลัก รักสงบ ปกติไม่ดุร้ายเหมือนกระทิง หากินโดยมีตัวเมียเป็นจ่าฝูง เริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุ 2 ปีเศษ ระยะตั้งท้องนาน 8–10 เดือน ปกติออกลูกครั้งละ 1 ตัว ลูกหย่านมเมื่อมีอายุราว 9 เดือน หลังคลอดลูกราว 6–9 เดือน แม่วัวแดงจะเป็นสัดและรับการผสมพันธุ์อีก มีอายุยืนประมาณ 30 ปี วัวแดงยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "วัวเพลาะ"
[2] ขณะที่ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่จะมีสีคล้ำคล้ายกับสีตาลโตนด คือสีน้ำตาลเข้ม บางตัวมีสีเข้มทำให้แลดูคล้ายกระทิงมาก ลักษณะเช่นนี้เรียก "วัวบา"
[3]เป็นสัตว์ที่มีรายชื่อใน
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ได้มีการปล่อยวัวแดงคืนสู่ธรรมชาติเป็นครั้งแรกของโลก เป็นตัวผู้ 2 ตัว อายุ 5 ปี และ 4 ปี และเป็นตัวเมีย 2 ตัว อายุระหว่าง 3 ถึง 4 ปี ที่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี
[4]ที่
ติมอร์-เลสเต ชาวบ้านนิยมใช้วัวแดงในการไถนา ซึ่งกระทำได้ยากกว่าการใช้วัวบ้านมาก
[5]