วาเนสซา เคอร์บี้ เติบโตในวิมเบิลดัน ลอนดอน มีวาเนสสา เรดเกรฟ และคอริน วาเนสสา เรดเกรฟ เป็นเพื่อนของครอบครัวเธอ[3] พ่อของเธอ โรเจอร์ เคอร์บี้ เป็นแพทย์ทางเดินปัสสาวะ

วาเนสซา ได้รับการศึกษาที่ Lady Eleanor Holles School โรงเรียนสตรีในเขตชานเมือง แฮมป์ตัน หลังจากไม่ได้รับการตอบรับการเข้าเรียนต่อจากสถาบันศิลปะการแสดงละครแห่งบริสตอล (BOVTS (en)) เธอก็เว้นช่วงหนึ่งปีเดินทางท่องเที่ยว[4] ก่อนที่จะเข้าเรียนทางด้านภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ [5] วาเนสซาเคยเปลี่ยนใจไม่เข้าสถาบันดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งลอนดอน (LAMDA) หลังจากที่เซ็นสัญญากับเอเจนซี่แห่งหนึ่ง และพบกับผู้อำนวยการโรงละคร David Thacker ซึ่งให้โอกาสเธอที่โรงละคร Octagon เมืองโบลตัน ในปี 2009 ในสามเรื่อง[6] คือ ละคร All My Sons โดย อาร์เธอร์ มิลเลอร์, Ghosts โดย Henrik Ibsen และ A Midsummer Night's Dream โดย วิลเลี่ยมเชคสเปียร์ วาเนสซาได้รับรางวัล BIZA นักแสดงดาวรุ่ง จาก MTA (en) มูลค่า 5,000 ปอนด์จากงานละคร All My Sons

จากนั้นเธอก็ไปแสดงละครที่โรงละครแห่งชาติ (en) บทบาท Isabella ในละคร Women Beware Women (โดย โทมัส มิดเดิลตัน กำกับโดย Marianne Elliott) คู่กับนักแสดง Harriet Walter และ Harry Melling [7] แล้วแสดงเป็น Rosalind ใน As You Like It (โดย วิลเลี่ยมเชคสเปียร์) ที่ West Yorkshire Playhouse ในเมืองลีดส์ นักวิจารณ์ละครเวที Alfred Hickling แห่ง เดอะการ์เดียน ยกย่องเธอว่า วาเนสซาเป็น "พรสวรรค์ใหม่ที่สำคัญ" ในปี 2011 เธออยู่ในการแสดงละครรอบปฐมทัศน์ The Acid Test โดย Anya Reiss ที่โรงละครรอยัลคอร์ต (en) กำกับโดย Simon Godwin วาเนสซาได้รับการยกย่องจาก Paul Taylor แห่งดิอินดีเพ็นเดนต์ เรียกเธอว่า "เป็นดาว เท่าที่เคยเห็น" [8]

ในปี 2011 วาเนสซาปรากฏตัวบนจอแก้วเป็นครั้งแรกในละครซีรีส์ BBC The Hour [9] เคียงคู่ Ben Whishaw, Dominic West, และ Romola Garai  เธอรับบท Estella ในมินิซีรีส์ BBC Great Expectations (en) ซึ่งมี Ray Winstone, Gillian Anderson และ Douglas Booth ร่วมแสดง 

วาเนสซา แสดงบทนำ Alice ในมินิซีรีส์ Labyrinth (en) กำกับและสร้างโดย Ridley Scott (ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของ Kate Mosse)  ในปี 2012 เธอถ่ายภาพยนตร์ The Necessary Death of Charlie Countryman กับ ไชอา เลอบัฟ และ Mads Mikkelsen [10]  แล้ววาเนสซาก็แสดงบท Joanna เพื่อนที่ดีที่สุดของ Mary (ราเชล แม็กอดัมส์) ในภาพยนตร์ About Time [11]

วาเนสซาสวมบท Masha ในละคร Three Sisters (ของนักประพันธ์ชาวรัสเซีย อันตอน เชคอฟ) โดยผู้กำกับชาวออสเดรเลีย Benedict Andrews ที่โรงละคร Young Vic (en) ในเดือนกันยายน ปี 2012 เธอได้รับคำนิยมจาก Matt Trueman แห่งนิตยสาร Time Out ว่า "สุดยอดตัวละคร เปล่งประกาย เคอร์บี้ โดดเด่นในบท Masha".[12][13]

เธอถ่ายภาพยนคร์ The Rise (en) ในต้นปี 2012 เคียงข้าง Matthew Lewis และTimothy Spal ภาพยนตร์เปิดตัวรอบปฐมทัศน์ที่โทรอนโต และเทศกาลภาพยนตร์ลอนดอน (en) ผู้กำกับ Rowan Athale ได้รับรางวัล Best Debut

ในปี 2013 วาเนสซากลับไปที่โรงละครแห่งชาติ แสดงบทควีน Isabella ใน Edward II  ตรงข้ามกับ John Heffernan[14] ในปี 2014 เธอแสดงบท สเตลล่า ใน A Streetcar Named Desire ร่วมงานกับ Benedict Andrews อีกครั้งที่โรงละคร Young Vic[15] เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม จาก Whatsonstage Awards 2014 ซึ่งเป็นผลของการโหวตสาธารณะ

วาเนสซามีบทบาทในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึง Kill Command (2016) แนวเขย่าขวัญ-วิทยาศาสตร์ กำกับโดย Steven Gomez และ Queen and Country (2014) แนวชีวิตบริติช กำกับโดย John Boorman  ในปี 2015 เธอแสดงบทในภาพยนตร์แนวผจญภัย เอเวอเรสต์ ไต่ฟ้าท้านรก (Everest) เคียงข้าง เจค จิลเลินฮาล จอช โบรลิน และเคียรา ไนต์ลีย์ 

ในปี 2015 วาเนสซาถ่ายภาพยนตร์ The Dresser กำกับโดย Richard Eyre มีแอนโทนี ฮ็อปกินส์ และ Ian McKellen ร่วมแสดง และเรื่อง Me Before You (en) แนวโรแมนติก กำกับโดย  Thea Sharrock (ดัดแปลงจากนิยายของ Jojo Moyes ในชื่อเดียวกัน)

ในเดือนพฤษภาคม 2015 มีรายงานข่าวว่า วาเนสซาได้รับคัดเลือกแสดงบทบาท เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต หลังจาก Netflix สรรหาผู้แสดงหกเดือน สำหรับทีวีซีรีส์ เดอะคราวน์ (en) ซึ่งเขียนบทโดย ปีเตอร์ มอร์แกน และกำกับโดย Stephen Daldry[16]

คอลัมนิสต์ Baz Bamigboye แจ้งว่า วาเนสซาจะแสดงบท Elena ใน Uncle Vanya (en) ของอันตอน เชคอฟ ที่โรงละคร Almeida (en) ในปี 2016 ซึ่งเธอได้รับเสียงตอบรับอย่างมากจาก  Matt Trueman แห่ง Variety "เคอร์บี้เป็นสุดยอด Elena เป็นผลงานที่ยืนยันว่าเธอเป็นนักแสดงหญิงที่โดดเด่นในยุคของเธอ มีความสามารถที่ไม่คาดคิดมากที่สุด"