วิกฤตการณ์การเงินโชวะ (
ญี่ปุ่น: 昭和金融恐慌
โรมาจิ:
โชวะ คิงยู เคียวโก) เป็นวิกฤตการทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1927 ปีแรกของรัชสมัย
สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ ไม่นานก่อนหน้า
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทั่วโลก วิกฤตครั้งนี้ทำให้รัฐบาลของ
วะกะสึกิ เรชิโร ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และนำไปสู่การให้
ไซบะสึ เข้ามาจัดการภาคธนาคารของญี่ปุ่นวิกฤตการณ์ทางการเงินโชวะเกิดขึ้นจากการที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวอย่างมากภายหลัง
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ภาคเอกชนต่างเพิ่มการลงทุนอย่างหนักหน่วงเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ทำให้เกิด
ภาวะฟองสบู่ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจภายหลังปี ค.ศ. 1920 และ
แผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโต ในปี ค.ศ. 1923 ก็ทำให้เกิด
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำขึ้น ซึ่งทำให้กิจการจำนวนมากต้องปิดตัวลง จนรัฐบาลต้องเข้าแทรกแทรง
ธนาคารกลางญี่ปุ่น ให้ออก "ตราสารธรณีภิบัติภัย" ซึ่งเป็น
ตราสารหนี้แบบซื้อลดขึ้น เพื่อประคับประคองกิจการของธนาคารพาณิชย์ จนกระทั่งในเดือนมกราคม ค.ศ. 1927 เมื่อรัฐบาลจะทำการซื้อตราสารคืน ทำให้เกิดข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่า ธนาคารพาณิชย์ที่ถือครองตราสารอาจจะล้มละลาย ส่งผลให้เกิด
การแห่ถอนเงินใน 37 ธนาคารทั่วญี่ปุ่น ทำให้ต้องพึ่ง
ไซบะสึ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่แถวหน้าของประเทศ อาทิ
มิตซูบิชิ,
ซุมิโตะโมะ เป็นต้น เข้ามาจัดการปัญหา รัฐบาลพยายามตราพระราชกฤษฎีกาเป็นการฉุกเฉินขึ้นเพื่อเปิดทางให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นขยายวงเงินกู้เพื่อรักษากิจการของธนาคารเหล่านี้ แต่ก็ถูกยับยั้งโดยคณะองคมนตรี และนายกรัฐมนตรีถูกกดดันจนลาออกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ทะนะกะ กิอิชิ ได้ควบคุมสถานการณ์ด้วยการประกาศวันหยุดธนาคารเป็นเวลาสามสัปดาห์และออกวงเงินกู้ฉุกเฉิน แม้จะบรรเทาปัญหาไปได้ แต่ก็ทำให้ธนาคารรายย่อยหลาย ๆ แห่งต้องปิดกิจการลง อย่างไรก็ตาม 5 เครือบริษัทผู้นำในไซบะสึนั้นมีอิทธิพลเหนือภาคธนาคารญี่ปุ่นไปจนสิ้นสุด
สงครามโลกครั้งที่สอง