ประวัติและเทคนิคในอดีต ของ วิทยาการอำพรางข้อมูล

จุดเริ่มต้นของการอำพรางข้อมูล สามารถย้อนหลังไปได้ถึงสมัยกรีกโบราณ มีบันทึกแสดงให้เห็นถึงการที่ชาวกรีกมีวิธีในการสื่อสารข้อมูลเตือนภัยการบุกรุกของศัตรู โดยเขียนข้อความที่เป็นความลับบนแผ่นไม้ แล้วใช้เทียนเคลือบข้อความนั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง คนทั่วไปไม่สามารถเห็นข้อความนั้นได้ นอกจากมีการลอกเทียนที่เคลือบบนข้อความนั้นออกไป

อีกวิธีที่ได้มีการบันทึกเป็นหลักฐานคือ การใช้ศีรษะของคนเป็นที่ซ่อนข้อมูลลับ เริ่มจากการโกนศีรษะผู้ที่จะทำหน้าที่ในการส่งสาร แล้วเขียนข้อความลงบนศีรษะของคนผู้นั้น เมื่อผมงอกกลับขึ้นมาจะบดบังข้อความนั้น ข้อความลับจะไม่มีทางเห็นได้จนกว่าจะมีการโกนผมผู้ส่งข้อความนั้นอีกครั้งหนึ่ง

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีการคาดกันว่าเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้วิทยาการเข้ารหัสลับและวิทยาการอำพรางข้อมูลมากที่สุด ในการสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบในสมรภูมิต่าง ๆ เทคนิคที่มีการใช้มากที่สุดที่ได้มีการรายงานคือ การใช้ "หมึกล่องหน" โดยการใช้น้ำมะนาวหรือน้ำนมเขียนข้อความลงบนกระดาษ ข้อความนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ จนกว่าจะนำกระดาษนั้นไปอังกับไฟ เพื่อให้ความร้อนเปลี่ยนหมึกที่เขียนไปเป็นสีที่เข้มขึ้น จนสามารถอ่านข้อความได้ด้วยตาเปล่า

เทคนิคอีกประเภทที่มีการใช้กันมากก็คือ การทำเครื่องหมายเหนือตัวอักษร หรือการใช้ตำแหน่งของตัวอักษรในข้อความที่มีการซ่อนข้อความลับอยู่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีการส่งผ่านข่าวสารลับโดยใช้หนังสือพิมพ์รายวันเป็นแหล่งในการส่งผ่านข้อความเหล่านั้น โดยผู้ที่จะสามารถอ่านข้อความลับได้ ต้องทราบวิธีในการแกะข้อความลับจากข่าวในหนังสือพิมพ์ที่ได้มีการตกลงกันไว้ ในหลายกรณีมีการใช้เกมอักษรไขว้ (cross word) เป็นเครื่องมือในการส่งข้อความ

ใกล้เคียง

วิทยา วิทยาศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก วิทยาการหุ่นยนต์ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม