ประวัติ ของ วิลเลิม_เดอ_โกนิง

ช่วงเริ่มต้นสู่การเป็นศิลปิน

วิลเลิม เดอ โกนิง เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1904 ที่เมืองรอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ กำเนิดจากพ่อชื่อ เลนเดิร์ต เดอ โกนิง (Leendert de Kooning) และแม่ชื่อ กอร์เนลียา โนเบิล (Cornelia Nobel) พ่อกับแม่ของเขาหย่ากันตอนวิลเลิมอายุได้ 3 ขวบเท่านั้น เขาอาศัยอยู่กับแม่ ชีวิตในวัยเด็กต้องอยู่ด้วยความยากจนและลำบาก เมื่ออายุ 12 ปี เขาต้องออกจากโรงเรียนและหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานเป็นช่างศิลป์ทั่วไปในเวลากลางวัน ส่วนในเวลากลางคืน เขาได้เข้ารับการศึกษาที่สถาบันศิลปะแห่งเมืองรอตเทอร์ดามทำให้เขาได้พบกับอาจารย์คนนึงซึ่งแนะนำเขาให้ได้รู้จักกับกลุ่มเดอสไตล์ (De Stijl) ลักษณะผลงานจากกลุ่มนี้ได้ส่งอิทธิพลต่อความคิดของเขาเป็นอย่างมากโดยเน้นความบริสุทธิ์ของสีและรูปแบบ

จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

ค.ศ. 1926 (อายุ 22 ปี) เดอ โกนิงได้เดินทางลี้ภัยสู่สหรัฐอเมริกา เขาได้ย้ายเมืองไปมาอยู่หลายที่จนในที่สุดได้ย้ายมาลงหลักปักฐานที่นิวยอร์กโดยยึดอาชีพเดิม ๆ ของเขาในการหาเลี้ยงชีพคือ ทาสีบ้าน ออกแบบหน้าต่าง ออกแบบผลิตภัณฑ์แฟชั่นต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นศิลปะทางการค้าทั้งสิ้น ช่วงนั้นเขายังไม่สามารถทำงานศิลปะที่เขารักได้สักที จนกระทั่งเมื่อเขาได้กลุ่มพบกลุ่มศิลปินในนิวยอร์ก เขารู้สึกว่ากลุ่มศิลปินดังกล่าวมีคุณค่าเกินกว่าที่เขาจะออกจากที่นี้ได้แม้ว่ามีงานที่ดีเสนอให้เขาในฟิลาเดเฟีย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเขาอยากจะอยู่อย่างยากไร้ในนิวยอร์ก ดีกว่าไปร่ำรวยในฟิลาเดเฟีย[1]

หลังจากนั้นได้พบกับจอห์น เกรอัม, สจวร์ต เดวิส และอาร์ชีล กอร์กี ซึ่งได้ทำงานร่วมกันให้กับสภาเมืองเพื่อวาดจิตรกรรมฝาผนังสาธารณะระหว่างปี ค.ศ. 1935-1939 กอร์กีเป็นผู้ที่ให้อิทธิพลต่อ เดอ โกนิงมากที่สุด (กอร์กีเคยทำงานรวมกับปาโบล ปีกัสโซในลัทธิบาศกนิยม และชูอัน มีโรในลัทธิเหนือจริง) อีกทั้งเดอ โกนิงประทับใจนิทรรศการที่เขาเห็นที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MoMA) ในปี ค.ศ. 1936 "คิวบิสม์และแอ็บสแตรกต์" และ "แฟนแทสติกอาร์ต, ดาดา และเซอร์เรียลลิสม์" รวมถึงผลงานของปีกัสโซที่นำมาแสดงพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1939 เขาได้รับอิทธิพลศิลปะนี้อย่างมาก

ต่อมาเขาได้ใช้สตูดิโอร่วมกับกอร์กี ภาพแรกของเขาได้รับอิทธิพลจากแบบอย่างเหนือจริงจากกอร์กีกับแรงบันดาลในแบบอย่างปีกัสโซ อย่างไรก็ตาม เดอ โกนิงได้แรงบันดาลใจจากสาขา Gestural ของสกุลศิลปะนิวยอร์กเช่นเดียวกับแจ็กสัน พอลล็อก และฟรานซ์ ไคลน์ เขาได้ติดต่อกับพอลล็อกและไคลน์ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เดอ โกนิงทำผลงานสีขาว-ดำที่เป็นนามธรรมในปี ค.ศ. 1946 เขากลับไปยังทำงานลักษณะนั้นอีกในปี ค.ศ. 1959

ชีวิตส่วนตัว

ค.ศ. 1938 วิลเลิมได้พบกับอิเลน มารี ไฟรด์ (Elaine Marie Fried) และได้แต่งงานกันในที่สุดใน ค.ศ. 1943 ภายหลังรู้จักกันดีในชื่อ อิเลน เดอ โกนิง ทั้งสองได้กลายมาเป็นศิลปินในลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม ชีวิตคู่ของทั้งสองเต็มไปด้วยมรสุม ทั้งสองต่างมีชู้และแยกย้ายกันไปในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 เดอ โกนิงมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น ในขณะที่มีความสัมพันธ์อยู่กับรูท คลิกแมน อดีตคนรักของแจ็กสัน พอลล็อก อย่างไรก็ดีกลางคริสต์ทศวรรษ 1970 ทั้งอิเลนและเดอ โกนิงก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันจนอิเลนได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1989

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

ปี ค.ศ. 1950 เขาได้ทำผลงาน การขุด ออกมาและได้รับการจัดแสดงที่ศาลาแสดงภาพอเมริกัน (American Pavilion) ในงานนิทรรศการเวนิสบีเอนนาเล นับเป็นการจัดแสดงต่างประเทศของเดอ โกนิงเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสำคัญของเขา ในปีถัดมา เดอ โกนิงได้รับรางวัล Purchase Price จากสถาบันศิลปะชิคาโก เพียงแต่เส้นทางศิลปินของเขาจะเป็นที่ยอมรับในสถาบันศิลปะและนั่นหากยังเป็นจุดเปลี่ยนในการพัฒนาศิลปะของเดอ โกนิงอีกด้วย เพราะหลังจากนั้นศิลปะได้สร้างผลงานชุด ผู้หญิง ออกมา[2]

ช่วงปี ค.ศ. 1950-1953 เดอ โกนิงได้วาดจิตรกรรมชุด ผู้หญิง จิตรกรรมชุดนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยเป็นภาพที่แสดงภาวะของความจริงและนามธรรมเข้าด้วยกัน ผลงานชุดนี้ไม่ได้เป็นนามธรรมโดยแท้ เพราะยังพอเห็นเป็นรูปร่างว่าเป็นรูปอะไร หรือเรียกได้ว่า ภาพกึ่งนามธรรม (semi-abstract) แต่ลีลาการใช่พู่กันของเดอ โกนิงได้แสดงออกถึงกลุ่มลัทธิสำแดงพลังอารมณ์อย่างเต็มที่ ในปี ค.ศ. 1951 เดอ โกนิงได้ประกาศจุดยืนของเขาอย่างชัดเจนว่า "จิตรกรรมคือ การระบายสี เป็นวิถีทางของชีวิต เป็นรูปแบบหนึ่ง"[3] และเขาก็ได้วาดรูปในลักษณะนี้เรื่อยมาในปี ค.ศ. 1955-1966 เขาได้สนใจวาดภาพภูมิประเทศทั้งในเมืองที่เจริญและธรรมชาติในลักษณะนามธรรมอีกด้วย จนถึงขั้นย้ายไปอยู่ที่อีสต์แฮมป์ตันชั่วคราวและมีสตูดิโอขนาดใหญ่

บั้นปลายชีวิต

ปี ค.ศ. 1963 เดอ โกนิงได้ย้ายออกจากนิวยอร์ก และเมื่อปี ค.ศ. 1964 เขาได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาคือ "เหรียญแห่งอิสรภาพของประธานาธิบดี" จนในที่สุดไปลงหลักปักฐานที่อยู่บั้นปลายชีวิตที่ลองไอแลนด์ในปี ค.ศ. 1970 เขาได้หันไปทำงานประติมากรรมร่วมกับภาพจิตรกรรมเรื่อยมา จนกระทั่ง เดอ โกนิงได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1997 ขณะที่อายุ 92 ปี

ใกล้เคียง

วิลเลียม เชกสเปียร์ วิลเลียม โมลตัน มาร์สตัน วิลเลิม เดอ โกนิง วิลเลียม รีกัล วิลเลียม วอลเลซ วิลเลียม ฮาวเวิร์ด แทฟต์ วิลเลียม ทอมสัน บารอนเคลวินที่ 1 วิลเลียม ฟอกเนอร์ วิลเลียม สแตนดิช โนลส์ วิลเลียม ชอกลีย์

แหล่งที่มา

WikiPedia: วิลเลิม_เดอ_โกนิง http://nga.gov.au/internationalprints/tyler/DEFAUL... http://habituallychic.blogspot.com/2011/09/de-koon... http://www.willem-de-kooning.com/ http://www.xavierhufkens.com/artists/willem-de-koo... http://www.zappa-analysis.com/kooning/index.html http://www.moma.org/search/collection?query=willem... http://www.moma.org/search?query=de+kooning http://www.theartstory.org/artist-de-kooning-wille... http://www.wikipaintings.org/en/willem-de-kooning https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Willem...