รายการประกอบไปด้วย 2 ช่วงหลักได้แก่

• Weekly Idol
  เป็นช่วงที่พิธีกรสมทบกับพิธีกรหลักเล่นเกมกันเพื่อผู้ชนะรับรางวัลหรือผู้แพ้ถูกลงโทษโดยมีการเปลี่ยนช่วงของรายการตามเวลาดังนี้
  • Real Chart! Idol Self-Ranking – เป็นช่วงที่รายการจะออกไปสอบถามศิลปินด้วยกันเองให้จัดอันดับตามหัวข้อที่ได้กำหนดไว้ แล้วนำมาจัดเป็นอันดับของแต่ละหัวข้อนั้นๆไป ปัจจุบันได้ยกเลิกช่วงนี้ไปแล้ว
  • I Wonder If You Know – ในช่วงแรกเป็นช่วงที่พิธีกรหลักและพิธีกรสมทบ แบ่งทีมกันแข่งขันตอบคำถามเกี่ยวกับศิลปินเกาหลีโดยผู้ชนะจะได้รางวัลเป็นอาหารที่ตนเองต้องการ ก่อนที่ภายหลังจะเปลี่ยนเป็นช่วงที่พิธีกรสมทบแข่งกันเอง ปัจจุบันได้ยกเลิกช่วงนี้ไปแล้ว
  • Weekly Food Tasting – เป็นช่วงที่ให้พิธีกรสมทบแข่งกันทำภารกิจเพื่อรับอาหารเป็นรางวัล ปัจจุบันได้ยกเลิกช่วงนี้ไปแล้ว
  • Idols are the Best! – เริ่มแรกนั้นช่วง Idols are the Best! จะให้พิธีกรสมทบและพิธีกรหลักแบ่งทีมแข่งขันกันทำภารกิจเพื่อแย่งรางวัลกัน ภายหลังที่ช็อง ฮย็อง-ดน กลับเข้ามาทำรายการจึงมีการเปลี่ยนแปลงให้พิธีกรสมทบแข่งขันกันเอง ปัจจุบันได้ยกเลิกช่วงนี้ไปแล้ว
  • What's Your Name?, The Mask Idol (ปัจจุบัน) – เป็นช่วงที่แขกรับเชิญซึ่งปิดหน้ากากไว้ โดยที่พิธีกรหลักเองก็ไม่ทราบว่าคือใคร แข่งขันกันโดยในแต่ละสัปดาห์จะหาผู้ชนะเพื่อได้เปิดหน้ากากออกมาและได้เวลาออกอากาศคนเดียวสำหรับแนะนำตัวเอง/วง/สมาชิกวง/ผลงาน
• Idol of the Week
  เป็นช่วงที่เชิญศิลปินมาเป็นแขกรับเชิญของรายการประจำสัปดาห์ ศิลปินกลุ่มแรกที่เป็นแขกรับเชิญของการคือวง อินฟินิต ในมีช่วงนี้จะมีช่วงย่อยอีกได้แก่
  • Random Play Dance – เป็นช่วงที่ ทีมงานรายการ จะเปิดเพลงของแขกรับเชิญ ด้วยวิธีการสุ่มช่วงหนึ่งของเพลงและเปลี่ยนไปช่วงหนึ่งของอีกเพลง ซึ่งศิลปินที่ร่วมรายการ จะต้องเต้นให้ถูกต้องตามท่อนนั้นๆ
  • Profile Verification/Rewritten Profile – เป็นช่วงที่พิธีกร จะทำการตรวจสอบประวัติส่วนตัว, ความสามารถ รวมถึงข่าวลือของแขกรับเชิญ
  • Win Against Idol – เป็นช่วงที่แขกรับเชิญ จะต้องเล่นเกมเป็นแข่งกับทีมพิธีกร หากแขกรับเชิญสามารถชนะทีมพิธีกรจะได้รับรางวัลพิเศษ และทีมที่ชนะสามารถลงโทษทีมที่แพ้ได้ (ส่วนมากจะเป็นทีมพิธีกรที่แพ้และโดนบทลงโทษ)
  • Grill Idol – เป็นช่วงที่แขกรับเชิญจะต้องตอบคำถามจากกระดานที่กำหนด หากแขกรับเชิญสามารถตอบคำถามได้ จะได้รับเนื้อวัวฮันอูย่างเป็นรางวัลในการตอบคำถามถูกต้อง
  • Idol Call Center – เป็นช่วงที่ 1 สัปดาห์ก่อนแขกรับเชิญจะเข้าร่วมถ่ายทำ รายการจะเปิดศูนย์รับสายพิเศษให้แฟนคลับของแขกรับเชิญสามารถฝากข้อความถึงแขกรับเชิญหรือต้องการให้แขกรับเชิญแข่งขันกันได้
  • 99 Seconds Challenge – เป็นช่วงที่แขกรับเชิญ จะต้องช่วยกันทำภารกิจให้สำเร็จ ภายในเวลา 99 วินาที หากล้มเหลว จะต้องเลือกบทลงโทษจากป้ายที่แขกรับเชิญได้เขียนกันไว้ โดนจะร่วมกันโหวตเลือกผู้ที่ต้องรับบทลงโทษนั้นก่อนการเปิดป้าย
  • Double-speed Dance Challenge – เป็นช่วงที่จะให้แขกรับเชิญ เต้นเพลงของตัวเองในความเร็ว 2 เท่า โดยวงแรกที่ได้เริ่มคอนเทนต์นี้คือ จีเฟรนด์ และเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
  • This Corner's Star Is Me – เป็นช่วงที่แขกรับเชิญ เสนอสิ่งที่ตนเอง ถนัด/เชี่ยวชาญ ที่สุดมาท้าลองกับสมาชิกในวง/แขกรับเชิญท่านอื่นๆ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตนถนัด/เชี่ยวชาญ ในสิ่งที่ตัวเองเสนอมาหรือไม่
  • Magic Choreography – เป็นช่วงที่แขกรับเชิญ จะต้องเต้นท่าเต้นของเพลงตัวเอง ประกอบเพลงอีกเพลงหนึ่งที่ไม่ใช่เพลงที่ตัวเองเต้น ยกตัวอย่างเช่น อีเอ็กซ์ไอดี จะต้องเต้นเพลง Hot Pink ในเพลง Mr. Mr. ของ เกิรลส์เจเนอเรชั่น หรือ เซเวนทีน จะต้องเต้นเพลง Very Nice ในเพลง Up and Down ของ อีเอ็กซ์ไอดี เป็นต้น
  • Roller Coaster Dance – เป็นช่วงที่แขกรับเชิญ จะต้องเต้นเพลงของตัวเอง ในความเร็วที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งเพลง (ประมาณความเร็ว 0.5-2 เท่าของเพลง)

ในแต่ละสัปดาห์ รูปแบบของรายการในช่วง Idol of the Week จะมีอย่างน้อย 1 - 3 คอนเทนต์

ทุกสัปดาห์สุดท้ายของปี จะมีการออกอากาศเทปพิเศษ Weekly Idol Award เป็นประจำทุกปีในการออกอากาศสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยมีการประกาศรางวัลต่างๆโดยคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลจากศิลปินที่ออกรายการในปีนั้นๆ โดยครั้งล่าสุดเมื่อปีสัปดาห์สุดท้ายของปี 2017 ได้ทำการถ่ายทำนอกสตูดิโอประจำของรายการ