บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
ศาลสูงสุดอินเดีย (
อังกฤษ: Supreme Court of India) เป็น
ศาลชั้นสูงสุดแห่ง
สาธารณรัฐอินเดีย จัดตั้งขึ้นตาม
รัฐธรรมนูญอินเดีย ภาค 5 หมวด 4 เพื่อแทนที่
ศาลกลาง (Federal Court) และ
คณะกรรมการตุลาการในคณะองคมนตรี (Judicial Committee of the Privy Council) ออกนั่งบัลลังก์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มกราคม 1950
[1]รัฐธรรมนูญ มาตรา 124 ถึงมาตรา 147 กำหนดองค์ประกอบและเขตอำนาจของศาลไว้ ตามความในบทบัญญัติดังกล่าว ศาลมีอำนาจเบื้องต้นเป็นการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชำระข้อพิพาททางปกครองเกี่ยวกับรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ ศาลยังมีอำนาจชำระอุทธรณ์จาก
ศาลสูง (High Court) และจากศาลอื่น ๆ ในระดับรัฐและระดับดินแดนตั้งแต่ปี 1937 ถึงปี 1950 บัลลังก์ของศาลอยู่ที่
นเรนทรมณฑล (Chamber of Princes) ในอาคารรัฐสภา ซึ่งเคยใช้เป็นบัลลังก์ศาลกลางแห่งอินเดีย ครั้นปี 1958 จึงย้ายไปยังอาคารใหม่จนปัจจุบัน
[1]ในระยะหลัง โดยเฉพาะในปี 2008 ศาลต้องผจญเรื่องอื้อฉาวจำนวนมาก โดยเฉพาะข้อกล่าวหาว่า ตุลาการชั้นผู้ใหญ่ฉ้อราษฎร์บังหลวง
[2] ทั้งยังนำภาษีประชาชนไปใช้ส่วนตัว
[3] แต่งตั้งข้าราชการตุลาการโดยวิธีลับ
[4] ไม่ยอมเปิดเผยสินทรัพย์ต่อสาธารณชน
[5] และไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนตามความใน
รัฐบัญญัติสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร (Right to Information Act)
[6] อนึ่ง เมื่อ
เค. จี. พลกฤษณัน (K. G. Balakrishnan) ประธานศาล แสดงความคิดเห็นว่า ตนไม่ใช่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่เป็นเจ้าหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างใหญ่หลวง
[7] ขณะเดียวกัน ฝ่ายตุลาการอินเดียเองถูกประธานาธิบดีหลายคน เช่น
ประติภา ปาฏีล (Pratibha Patil) และ
เอ. พี. เจ. อับดุล กลาม (A. P. J. Abdul Kalam) ตำหนิอย่างหนักว่า ละเลยหน้าที่
[8] ทั้ง
มานโมฮัน ซิงห์ (Manmohan Singh) นายกรัฐมนตรี ก็ระบุว่า ปัญหาหลักของฝ่ายตุลาการ คือ การฉ้อฉลโกงกิน และเสนอแนะให้มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อขจัด "ภัยคุกคาม" (menace) เหล่านี้
[9]นอกจากปัญหาข้างต้นแล้ว ศาลยังถูกติเตียนเรื่องทำหน้าที่เชื่องช้า สิ้นปี 2011 ปรากฏสถิติว่า มีคดีที่ชำระไม่เสร็จ 58,519 เรื่อง และในจำนวนนั้น คดี 37,385 เรื่องถูกดองไว้นานกว่า 1 ปี แต่ถ้าไม่นับคดีที่เกี่ยวพันกันแล้ว จะมีคดีค้างอยู่ 33,892 เรื่อง
[10]