ประวัติ ของ ศาลาเฉลิมกรุง

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ภาพยนตร์เป็นมหรสพและ การสื่อสารมวลชนที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง สามารถเทียบได้กับการโทรทัศน์ในปัจจุบัน โรงภาพยนตร์ในสยามสมัยนั้นมีประมาณ 20 โรง กระจายอยู่ทั่วเขตพระนครและธนบุรี จัดฉายภาพยนตร์นำเข้าจากต่างประเทศ (มากกว่าครึ่งเป็นภาพยนตร์จากสหรัฐ หรือจาก ฮอลลีวู้ด)

สภาพโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีขนาดเล็กคล้ายโรงไม้ หลังคามุงสังกะสี จนกระทั่ง วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2473 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโรงภาพยนตร์ถาวรแห่งใหม่ที่โอ่อ่าทันสมัยเพื่อเป็นที่ระลึกการเฉลิมฉลองพระนครที่จะมีอายุครบ 150 ปี ใน พ.ศ. 2475 ขนาดจุผู้ชมได้มากกว่า 1,000 ที่นั่ง และเป็นโรงมหรสพแห่งแรกในเอเชียมีเครื่องปรับอากาศระบบไอน้ำ (chilled water system)

ตัวอาคารรูปสี่เหลี่ยมสูงแบบสมัยใหม่ ตั้งอยู่บริเวณหัวถนนเจริญกรุงตัดกับถนนตรีเพชร ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างโดยหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร และ นารถ โพธิปราสาท เป็นวิศวกร สร้างโดยบริษัทบางกอก ภายในออกแบบตกแต่งเรียบง่าย ระหว่างตะวันตกผสมผสานกับไทย และได้รับพระราชทานนามว่า "ศาลาเฉลิมกรุง" เปิดฉายปฐมฤกษ์ด้วยหนังฝรั่งเสียงในฟิล์ม เรื่อง "มหาภัยใต้ทะเล" [5] เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 มีรายงานว่าคนดูล้นหลามออกมาถีงถนนหน้าโรงจนรถรางยวดยานต่างๆ ติดขัดหยุดชะงักชั่วคราว [6]

นอกจากฉายหนังฝรั่งตามปกติ หนังพูดของบริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง และ บริษัทไทยฟิล์ม (นำโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคลและคณะ) เป็นโปรแกรมหนังไทยที่ได้รับความนิยมทุกเรื่อง

ช่วงสงครามมหาเอเซียบูรพา เปลี่ยนเป็นโรงละครเวที จนสงครามสงบแล้วระยะหนึ่ง จึงกลับมาฉายภาพยนตร์อีกครั้ง เริ่มด้วย "สุภาพบุรุษเสือไทย" หนังไทย 16 มม. พากย์สด เมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2492 ทำรายได้มากกว่า 3 แสนบาท สูงสุดกว่าเรื่องใดๆในเวลานั้น

บุคคลที่มีบทบาทสำคัญเป็นที่รู้จักทั่วไป คือ กายสิทธิ์ ตันติเวชกุล ผู้จัดการในช่วง พ.ศ. 2486 - 2515 รวมเวลานานถึง 29 ปี [7]

ปัจจุบัน ยังคงเปิดดำเนินการในชื่อ "เฉลิมกรุงรอยัลเธียเตอร์" ด้วยการบริหารของบริษัทเฉลิมกรุงมณีทัศน์ จำกัด โดย มานิตย์ รัตนสุวรรณ และ นฤนล ล้อมทอง (ผู้จัดการ) ทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2535 โดยขยายเวทีพร้อมติดตั้งระบบไฮโดรลิกเลื่อนขึ้นลงได้และปรับที่นั่งเหลือราว 600 ที่ [8] ยกระดับให้เป็นโรงมหรสพแห่งชาติ ระยะแรกจัดแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูง "โขน" ผสมผสานเทคนิคทันสมัย รายการอื่นๆ เช่น ละครเวที เรื่องแรกคือ "ศรอนงค์" (ซึ่งเคยแสดง ณ ที่แห่งนี้ โดยคณะละครของพระนางเธอลักษมีลาวัณ พระมเหสีในรัชกาลที่ 6) โดย อารีย์ นักดนตรี ,"ศาลาเพลง" โดย นันทวัน สุวรรณปิยะศิริ ,งานของมูลนิธิหนังไทยในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ,งานรำลึกถึงมิตร ชัยบัญชา โดย ชมรมคนรักมิตร ฯลฯ [9] ตลอดจนฉายภาพยนตร์และการแสดงมหรสพสำคัญในบางโอกาส ได้แก่ การฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์โลกเรื่อง สุริโยไท ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2544 และในปี พ.ศ. 2554 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี ทั้งสองเรื่องเป็นผลงานกำกับของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล

ใกล้เคียง

ศาลาเฉลิมกรุง ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์ ศาลาเฉลิมไทย ศาลาเผิงไหล ศาลาเจ้าชายเถิง ศาลาเปลื้องเครื่อง ศาลาว่าการเมืองสต็อกโฮล์ม ศาลาว่าการเก่าฮกไกโด ศาลเจ้าเกียนอันเกง ศาลเจ้าเล่งจูเกียง