ศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุ้ก๋ง

[[หมวดหมู่::]]มีประวัติความเป็นมาการกินเจของศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุ้ก๋ง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ยุคแรก เริ่มก่อตั้งโดย กำนันตำบลเหนือคลอง ขุนชลาลัยพิศาล พวกสกุล เจียวก็ก โดยมีนายอังก๋าว เอ่งฉ้วน เป็นผู้จัดการเป็นคนแรกของอ๊ามเฉ้งจุ้ยจ้อซุ้ก๋ง บ้านเหนือคลอง ประมาณ 140 ปีมาแล้ว สิ่งของที่ชาวบ้านเหนือคลองนำมาจากเมืองจีนทางเรือสำเภา เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมกินเจในช่วงสมัยนั้น คือ 1. เก่ว(เกี้ยว)2. ป้ายหนังสือจีน3.ป้ายชื่อเทพเจ้า 4.หัวมังกรและน้ำเต้า 5.รูปมือ 6.รูปปั้นเทพเจ้า 3 องค์ คือ จ้อซู้ก๋ง , เล่าจ้อ , ยี่จ้อยุคที2เริ่มมีผู้ดำเนินการจัดให้มีการกินเจ มีการแสดงอยู่ประมาณ 2- 3 คืน ผู้ที่เทพเจ้าเข้าประทับทรง " ม้าทรง " มีประมาณ 6 คน ตลอดเวลาศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุ้ก๋ง จะมีผู้ดูแลจัดการภายในทุกๆด้าน ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยความเสียสละตลอดมา คือ 1. นายสิ่ว เอี่ยนเล่ง 2. นายสมนึก เอ่งฉ้วน 3. นายสวัสดิ์ อริยวงศ์ แต่เดิมศาลเจ้าจะเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวหลังคามุงจาก กอปรกับจิตเลื่อมใสศรัทธาของชาวกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมกันบริจากทรัพย์ โดยที่ทางศาลเจ้าไม่เคยเรี่ยไรแม้แต่ครั้งเดียว จำนวนผู้คนที่มาร่วมกินเจก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ไม่ว่าจะเป็นคนจีน คนไทยเชื้อสายจีน แม้กระทั่งคนไทยแท้ก็มาร่วมกินเจ มีผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพ มีทั้นคนรวย มีทั้งคนจน ต่างก็มารับประทานอาหารหม้อเดียวกันในโรงเจ ปัจจุบันศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุก๋ง ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยแรงศรัทธา ทำให้มีอาคารเพิ่มมากขึ้นหลายหลัง มีความสะอาด สะดวก และสบาย พร้อมที่จะต้อนรับทุกท่านได้เป็นอย่างดี ศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุก๋ง ได้รับคัดเลือกจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยประกาศเกียรติคุณให้เป็นศาลเจ้าที่บริหารงานดีเด่น ปี 2538 และ ปี 2541 ]]เบื้องต้นแห่งพิธีกรรมกิวอ๋องเจ[[หมวดหมู่:ณ สิวาลัยรัตนสถาน เป็นที่ประชุมของเหล่าเทพทั้งปวง พระมัญชูศรีมหาโพธิสัตว์ ได้ทูลถามต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเทพสัตตเคราะห์ทั้ง 7 พระองค์ ได้มีกุศลสะสมมาอย่างไร จึงได้เสวยทิพย์ผลพร้อมเพรียบไปด้วยยศ และอำนาจในเทวภพนี้ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า มีพระราชดำรัสตอบว่า ดูกรมัญชูศรี อันดาวสัตตเคราะทั้ง 7 นั้น แท้จริงเป็น พระอวตารอดีตพระพุทธเจ้า 7พระองค์ ทรงแบ่งภาคมากับ พระมหาโพธิสัตว์ อีก 2 องค์ เป็นดาวพระราหู และดาวพระเกตุ รวมเป็นดาวพระเคราะทั้ง 9 เรียกว่า "นพราชา" หรือพระกิวอ๋อง การกินเจเดือน 9 นี้ เป็นเพราะชาวจีนเชื่อว่า ช่วง 10 วันตอนต้นเดือน 9 เป็นช่วงที่ "ฮุดโจ้วเฮี้ยง" ที่สุด แปลว่า เป็นช่วงที่พระพุทธศักสิทธ์ที่สุด จึงเชื่อกันว่า ช่วงนี้ใครอธิษฐานขออะไร ก็มักสมปรารถนา แต่ต้องตั้งจิตให้บริสุทธิ์และถือศีลกินเจ]]นพราชา (พระกิวอํอง) เกี่ยวข้องกับมนุษย์อย่างไร[[หมวดหมู่:มนุษย์ ถ้าหากไม่มี ธาตุลมก็ต้องตาย มัจฉาชาติ ถ้าหากไม่มีธาตุน้ำ ก็ต้องตาย พฤๅษาชาติ ถ้าหากไม่มีธาตุดิน ก็ต้องอับเฉากิ่งใบแห้งเหี่ยวตาย สัตว์โลก ถ้าหากสูญสิ้นธาตุไฟ ในร่างกายก็อยู่ไม่ได้ เศรษฐกิจการค้า เป็นหัวใจสำคัญยิ่งของมนุย์ทั่วโลกในสมัยปัจจุบัน ถ้าหากขาดธาตุทอง ก็ไม่สามารถดำเนินกิจการลุล่วงไปได้แล้วเทพเจ้าทั้งเก้า ก็ได้ทรงแบ่งภาคต่อจากภาคของการเป็นเทพเจ้าลงไปเป็นดาวพระเคราะห์ 9 ดวง เพื่อการบริหารธาตุทั้งห้าที่ประกอบกันเป็นจักรราศีแห่งดวงชะตา ที่ว่าการหมุนหรือเคลื่อนตัวของแต่ละดวงดาวมีผลต่อโลก เช่น น้ำขึ้นน้ำลง หากดวงดาวใดหยุดหมุนหยุดทำงานโลกคงเกิดโลกาวินาศ]]ดาวพระเคราะห์ทั้ง 9 ดวงคือ [[หมวดหมู่: 1. พระอทิตย์ คือ ไท้เอี๊ยงแช 2. พระจันทร์ คือ ไท้อิมแช 3. ดวพระอังคาร คือ ฮวยแช 4. ดาวพระพุธ คือ จุ๊ยแช 5. ดาวพระฤหัสบดี คือ บั๊กแช 6. ดาวพระศุกร์ คือ กิมแช 7. ดาวพระเสาร์ คือ โท้วแช 8. ดวพระราหู คือ ล่อกิมแช 9. ดาวพระเกตุ คือ โกยโต้วแช โดยที่ทุกปีเมื่อถึงวันที่ 1-9 ของเดือน 9 จะเป็นกำหนดวันที่เทพเจ้าประจำดาวนพเคราะห์ แต่ละองค์จะผลัดกันเสด็จลงมาเยือนโลกมนุย์ เพื่อประทนพรแต่ผุ้ปฏิบัติดี เมื่อถึงเทศการกินเจ จึงมีการกราบไหว้เพื่อขอพรจากท่าน และเป็นการขอบคุณที่ทรงมีคุณตอโลกที่ทรงไว้ ซึ่งธาตุทั้งห้า และจักรราศีแห่งดวงดาว]]คนกินเจได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท[[หมวดหมู่:กินเนื้อก็ต้องตาย กินเจก็ต้องตาย เหมือนกัน กินเนื้อตายแล้ว ยังมีหนี้เวรกรรมติดตามตัวไป ต้องชดใช้ กินเจ ตายไปแล้ว ไม่มีหนี้สินเวรกรรมเป็นอิสระ แล้วเราจะเลือกอยางใหน ? ฉะนั้น ผู้ที่กินเจถือว่า ไม่ประมาท ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า ทานที่เกี่ยวกับชีวิตทุกอย่าง ไม่ว่าจะงดเว้นจากการฆ่า งดเว้นจากการกิน หรือ บอกให้ผู้อื่น งดกิน งดฆ่า จึงเป็นมหากุศลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในโลกใบนี้ ผู้ที่ทำผิดมีทนายคอยแก้ต่างให้ แต่ในกฎแห่งกรรม มีตัวเราเองเท่านั้น ที่เป็นทนายให้ตัวเอง ทำดีได้รับผลดี ทำชั่ว ก็ย่อมได้รับผลชั่ว มโนกรรม ได้แก่ กรรมที่กระทำทางใจ นับเป็นความชั่ว ร้ายแรงที่สุดตามคำสอนของพระพุทธศาสนา มิจฉาทิฏิ ที่แปลว่า ความเห็นผิด จากธรรมนองคลองธรรม คือ เห็นว่า กรรมดี กรรมชั่ว นรก สวรรค์ ไม่มี]]เริ่มงานกินเจวันแรก[[หมวดหมู่:คณะกรรมการได้จัดหาต้นไม้ไผ่ตง ขนาดเหมาะเจาะมา 2 ต้น เพื่อทำเป็นเสาโกเต็งหรือเสาเทวดา สำหรับห้อยดวงไฟ 9 ดวงกับตะเกียงอีก 1ดวง ก่อนยกเสาโกเต็ง ต้องทำพิธีไหว้เจ้าที่ และเชิญสี่ไท้อ๋อง ทั้ง 4 ทิศ ธงที่ผูกติดบนยอดเสาโกเต็ง คือ - ธงเล่งกี๋ (ธงสัญญาณกินเจ) - ธงกิ๋วอ๋อง (ธงประธานในการกินเจ) - ธงเป้งอั้น (ธงอวยพรพรลูกหลานให้โชคดี) เมื่อชาวบ้าน อ.เหนือคลองและผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันยกเสาโกเต็งขึ้น พิธีกินเจนับว่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว]]พิธีรับพระประธานงานกินเจ[[หมวดหมู่:พระประทานในงานกินเจ คือ พระกิวอ๋อง ผู้ที่กินเจจะจัดขบวนแห่ไปรับพระกิวอ๋อง ณ หาดนพรัตน์ธาราเป็นจำนวนมาก โดยจะทำพิธีบวงสรวง ดิน น้ำ ลม ไฟ เพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณพระกิวอ๋องจากสวรรค์ ซึ่งต้องลงมาถึงที่ที่มีน้ำเท่านั้น เพราะท่านจะไม่เหยียบพระแม่ธรณี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ศาลเจ้าจะลงไปอัญเชิญดวงวิญญาณของท่านใส่ในหม้อพิธี ภายในนั้นจะมีเครื่องหอมบรรจุอยู่ เช่น ไม้จันทน์หอม ต่อจากนั้นก็จะอัญเชิญเข้าขบวนแห่มาประทับที่ศาลเจ้า จะมีการประโคมเสียงดนตรีเช่น กลอง ผ่าง ฉาบ ในบวนแห่ไปทางใหนผู้มีศรัทธาตั้งโต๊ะบูชาจุดประทัดเป็นระยะๆตลอดทาง เมื่อขบวนมาถึงศาลเจ้า ผู้จัดการศาลเจ้าจะถวายรายงานเป็นภาษาจีน ว่าการกินเจปีนี้เป็นปีที่เท่าไร มีผู้ที่มากินเจกี่คน เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อรายงานเสร็จจึงอัญเชิญพระกิวอ๋องเข้าประทับในศาลเจ้า ดวงไฟบนยอดเสาก็ถูกจุดขึ้น และดวงไฟทุกดวงในบริเวณศาลเจ้าก็สว่างไสวไปตลอดทั้งงานเลย]]พิธีเลี้ยงอาหารทหารเทพ (พิธีโกกุ้น)[[หมวดหมู่:วันที่ 3 ของงานกินเจ คณะผู้จัดการศาลเจ้า ต้อง เลี้ยงอาหารทหารเทพทั้ง 5 เหล่าทัพ "เป้งสิน" เนื่องจากการกินเจ จะต้องอัญเชิญเทพเจ้าชั้นผู้ใหญ่มาประทับทรง ทหารเทพก็จะมาคอยดูแลอารักขาประจำที่ศาลเจ้า ดังนั้นการจัดเลี้ยงก็จะมีอาหารเจนานาชนิดและผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากนั้น ก็จะมีอาหารเลี้ยงม้าของเหล่าแม่ทัพต่างๆอีกด้วยเช่น หญ้า ถั่วเขียว ข้าวสาร ข้าวเปลือก และเกลือ ทหารทั้ง 5 เหล่าทัพ ซึ่งเป็นกองทัพองค์รักษ์ 1.กองทัพธงดำ มีกำลังพลทหาร 999,999 องค์ 2.กองทัพธงเขียว มีกำลังพลทหาร 888,888 องค์ 3.กองทัพธงแดง มีกำลังพลทหาร 777,777 องค์ 4.กองทัพธงขาว มีกำลังพลทหาร 666,666 องค์ 5.กองทัพธงเหลือง มีกำลังพลทหาร 555,555 องค์ พิธีเลี้ยงอาหารทหารเทพ จะมี 3 ครั้งด้วยกัน คือ ขึ้น 3 ค่ำ 6ค่ำ และ 9 ค่ำ เมื่อเสร็จพิธีก็จะส่งออกไปรักษาความสงบตามอาณาเขตของศาลเจ้า เทพเจ้าออกอวยพรลูกหลาน วันที่ 4 ของงานกินเจ เทพเจ้าออกอวยพรชาวเหนือคลอง และ วันที่ 5 เทพเจ้าออกอวยพรชาวตลาดเก่า และในตัวเมืองกระบี่ จะมีการจัดขบวนแห่ไปตามถนนต่างๆ ผู้มีจิตศรัทธาจะตั้งโต๊ะไว้หน้าบ้าน ซึ่งปูด้วยผ้าสีแดง มีกระถางธูป เทียน ดอกไม้ น้ำชา ข้าวสารผสมเกลือ (เกียมบี้) และผลไม้ต่างๆ นอกจากนั้นจะมีการเผาไม้หอม ( ไม้จันทน์ ) ให้ควันอบอวลไปทั่วบ้าน เทพเจ้าจะเข้ามาอวยพรขจัดปัดเป่าให้โชคดี และอยู่เย็นเป็นสุข สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การจุดประทัดให้ดังสนั่นทั่วทั้งบ้าน]]พิธีลุยไฟ[[หมวดหมู่:ราววันที่ 6 ของงาน เจ้าหน้าที่จะทำพิธีก่อกองไฟล่วงหน้า 1 คืน เมื่อถึงเวลา เทพเจ้าจะทำพิธีปัดเป่าอีกครั้งหนึ่ง และจะเริ่มลุยไฟก่อน ถัดมาก็จะเป็นลูกหลานที่ถือศีลกินเจ การลุยไฟ คือ การเดินเหยียบกองไฟที่ลุกโชน และเป็นกองไฟที่ผ่านการทำพิธีมาแล้ว เป็นการทำความดี ไม่เบียดเบียนสัตว์ มีจิตใจบริสุทธิ์ จะไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายตัวเองได้ แม้แต่ความร้อนของไฟ ถือว่าเป็นการขจัดปัดเป่า และทำลายล้างสิ่งไม่ดี สิ่งชั่วร้ายที่แอบแฝงมาให้ออกไปจากตัวผู้ลุยไฟเอง เป็นการล้างตัวให้บริสุทธิ์พิธีไหว้ดาว เทพเจ้า 9 พระองค์]]พิธีไหว้ดาว[[หมวดหมู่:จะมีขึ้นประมาณคืนที่ 7 ของงาน คณะกรรมการได้จัดเตรียมสถานที่ ดอกไม้ธูปเทียน และเหรียญ (ตามกำลังเทวดาประจำวันวันเกิด) เพื่อนำสิ่งของทั้งหมดไปบูชาดาวประจำตัว พิธีนี้ ถือว่าเป็นพิธีสำคัญเช่นกัน เพราะทุกคนจะมีดาวประจำตัวของตนเอง ในปีหนึ่งๆเราควรไหว้เทพเจ้าประจำวัน ที่ปกป้องคุ้มครองเราอยู่สักครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง เทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์มีดังนี้ 1.ไต้ซวยเอี้ยงเม้งทัมหลั่งไท้แชกุน 2.ไต้เจียกกิมเจ็กมิ้งง้วนแชกุน 3.ไต้ควงจิงหยิ๊งอกชุ้นกุน 4.ไต้เฮ้งเยี่ยงเม้งยุ้งเคียกนิวกุน 5.ไต้ปิ๊กตังง้วนเนี้ยมเจงกังแชกุน 6.ไต้ปั้งเก็กบู๊เคียกกี่แชกุน 7.ไต้เพียงเทียนกานผั่วกวงแชกุน 8.ตั่งเม้งงั่วหูแชกุน 9.อุ้นกอไล่เพี๊ยกแชกุน]]กำลังเทวดาทั้ง 9 พระองค์[[หมวดหมู่: 1.ไท้เอี้ยงแช ดาวพระอาทิตย์ 6 องค์ 2.ไท้อิมแช ดาวพระจันทร์ 15 องค์ 3.ฮวยแช ดาวพระอังคาร 8 องค์ 4.จุ๊ยแช ดาวพระพุธ 17 องค์ 5.ปั๊กแช ดาวพฤหัสบดี 19 องค์ 6.กิมแช ดาวพระศุกร์ 21 องค์ 7.ไท้วแช ดาวพระเสาร์ 10 องค์ 8.ล่อกาแช ดาวพระราหู 12 องค์ 9.โกยโต้วแช ดาวพระเกตุ 9 องค์สำหรับศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุ้ก๋ง นอกจากมีพิธีไหว้ดาว ยังมีการไต่บันไดมีด สวดมนต์ต์ต์ให้พรและส่งสัญญาณให้เทวดาฟ้าดินได้รับรู้ถึงการกินเจ ]]พิธีเดินข้ามสพานสะเดาะพระเคราะห์ (พิธีโกยฮั่น)[[หมวดหมู่:วันที่ 8 ของงานกินเจ นับว่าเป็นวันที่สำคัญของงานกินเจ ที่ศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุ้ก๋ง ผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วทุกอำเภอ และจากต่างจังหวัดมาร่วมเดินข้ามสะพานโกยฮั่น เป็นจำนวนมาก ทำให้ศาลเจ้าที่กว้างขวางพอสมควรคับแคบไปทันที ไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้องเพียงใด ก็ไม่สามารถทำให้มหาชนเหล่านั้นละความศรัทธาได้ ในอดีตศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุ้ก๋งมีเพียงสะพานไม้แคบๆให้คนเดินผ่านได้เพียงไม่กี่คน แต่ปัจจุบัน(ตามรูปข้างบน) แรงศรัทธาของประชาชนทำให้ได้สร้างสะพานคอนกรีตที่แข็งแรง ทนทาน และสวยงามเป็นอย่างยิ่ง เป็นที่เล่าขานว่าเป็นศาลเจ้าที่มีสะพานสะเดาะเคราะห์ที่สวยงามที่สุด มีลักษณะถูกต้องตามตำราฮวงจุ้ย บนราวสะพานมีรัศมี ประจำปีเกิดทั้ง 12 ราศี มี ดิน น้ำ ลม ไฟ ผู้ทีเดินข้ามสะพาน เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางเทพเจ้า สวรรค์เปิด ฟ้า ดิน รับรู้ ก่อนเดินสะพานโกยฮั่น ทางศาลเจ้าจะมีรูปแทนตัวทำด้วยกระดาษลงเส้นสีชัดเจนว่าเป็น ชาย หรือ หญิง เสียบธูป 3 ดอก บนรูปแทนตัวให้เขียน ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด พร้อมทั้งตัดเศษผม เศษเล็บมือ เล็บเท้า และเศษชายเสื้อผ้า ใส่ในรูปแทนตัวของแต่คน ถือเดินข้ามสะพาน ขณะเดินก็ให้ทำจิตใจให้ผ่องใส มีสมาธิ ตั้งจิตอฐิษาน ขอให้หมดทุกข์หมดโศก ปราสจากโรคภัยไข้เจ็บ และอันตรายทั้งปวง หากผู้ใดมีเคราะห์ร้าย หรือมีสิ่งไม่ดีที่แอบแฝงอยู่ในตัว ก่อนเดินข้ามจนสุดสะพานก็จะล้มลงไป บางรายยังเดินไม่ถึงครึ่งทางของสะพานก็ลมลงแล้ว ซึ่งทุกๆปี ผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะเยอะมาก แต่ไม่ต้องกลัวเพราะมีเจ้าหน้าที่ทางศาลเจ้าคอยดูแลอยู่ จะช่วยกันอุ้มเข้าไปบนศาลเจ้า ให้เทพเจ้าทำพิธีปัดเป่าให้เป็นรายๆไปโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เมื่อเดินมาสุดสะพานจะมีเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าคอยเก็บรูปแทนตัวท่านนำมารวบรวมกัน และทำพิธีเผาหลังจากปิดสพานในเวลา 23.59 น. แล้วนำเถ้าถ่านนั้น จะนำไปใส่หม้อดินปิดผ้าแดง เพื่อนำเคราะห์ของท่านไปลอยกลางทะเล ปัจจุบันการเดินสะพานโกยฮั่น มิใช่มีเพียงเฉพาะผู้ที่มากินเจเท่านั้น แต่จะเปิดกว้างสำหรับทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ใครก็ตามที่มีความเชื่อ ความศรัทธา ก็สามารถเดินข้ามสะพานโกยฮั่นได้ทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่ได้รับคือ ความสุขกาย ความสุขใจ ความสะบายใจ จิตใจผ่องใส]]ทางศาลเจ้ามีข้อห้ามมิให้เดินข้ามสะพาน คือ[[หมวดหมู่: 1. ผู้หญิงมีครรภ์ 2. ผู้ที่ไว้ทุข์ (สวมชุดดำ หรือ ขาวดำ) 3. ผู้ที่มีกำลังประจำเดือน 4. ห้ามสวมรองเท้าเดินข้ามสะพาน 5. ห้ามนำส่งของที่มีค่าติดตัวมาในขณะเดินสะพาน (เนื่องจากผู้คนมาร่วมงานเยอะมากทางศาลเจ้าอาจดูแลไม่ทั่วถึงและป้องกันพวกมิฉาชีพที่แอบแฝงปะปนเข้ามาภายในงาน) และในเวลา 24.00 น. (ขึ้น 8 ค่ำ) จะมีพิธีส่งยกอ๋อง (เทวดา) กลับสู่สวรรค์ พิธีส่งพระกิวอ๋อง]]คืนสุดท้ายของการกินเจ[[หมวดหมู่:เจ้าหน้าที่จะจัดเตรีมเก่ว เพื่ออัญเชิญพระกิวอ๋องกลับสู่สวรรค์ เมื่อขบวนแห่ผ่านไปตามถนน สองข้างทางที่มีบ้านเรือนอยู่ จะตั้งโพร้อมเครื่องเส้นไหว้ที่หน้าบ้าน มีการจุดประทัด พลุ และดอกไม้ไฟ ผู้ที่ไม่สามารถไปรวมงานได้ก็จะออกมายืนส่งพระกิวอ๋อง ทั้งสองข้างทางเป็นทิวแถว แต่ละคนก็จะถือธูปเทียนและกระดาษทอง เผาไฟหลังจากท่านผ่านไปแล้ว ขบวนแห่พระกิวอ๋องจะไปหยุดที่สะพานเจ้าฟ้า มีเรือเตรียมพร้อมที่ท่าเทียบเรือ ขวนแห่จากเหนือคลอง จะไปสมทบกับประชาชนชาวเมืองกระบี่และผู้มีจิตศรัทธาที่มาจากจังหวัดใกล้เคียงที่รอเตรียมส่งพระกิวอ๋องอยู่ก่อนแล้ว ทุกคนนุ่งขาวห่มขาว ในมือถือธูปเทียน แสงธูปเทียนสว่างไสวแลดูสวยงามยิ่งนัก เจ้าหน้าที่ศาลเจ้าบางส่วนได้นำหม้อ " เชี้ยโหย " (หม้ออัญเชิญดวงวิญญาณ) และหม้อที่ใส่เถ้าถ่านรูปแทรตัวที่เผาในคืนเดินข้าวสะเดาะเคราะห์เพื่อนำไปลอยในทะเลใหญ่ จึงอัญเชิญพระกิวอ่องกลับสู่สวรรค์ ณ จุดนั้นหมายถึง ท่านได้นำเอา ความทุกข์ ความโศก โรคภัยต่างๆ ทั้งปวงไปด้วย คงเหลือไว้แต่ความสงบสุข ความโชคดีทุก ๆ ครัวเรือน เมื่อส่งพระกิวอ๋องเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่มากินเจจะต้องกลับมาไหว้พระ ณ ศาลเจ้าด้วยธูป 3 ดอก 9 ดอก หรือกลับมาไหว้พระที่บ้านของตนเองก็ได้ ถือว่าเป็นการบอกกล่าวและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสีทั่วไปจากนั้นจึงรับประทานอาหารคาวได้ ในวันรุ่งขึ้น (ขึ้น 10 ค่ำ) จะมีพิธี " หาวเจียง " คือ พิธีเลี้ยงอาหารคาวหวาน แก่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่มาร่วมกิเจ พิธีจะเริ่มในเวลาประมาณ 15.00 น. หน้าศาลเจ้า โดยชาวบ้านจะนำอาหารไปร่วมในพิธี เมื่อเสร็จพิธี " หาวเจียง " ก็จะทำพิธียกเสาโกเต็งลง เป็นอันจบพิธีกินเจ ธง ทั้ง 3 ผืนที่อยู่บนยอดเสาโกเต็ง ผู้ที่ประมูลได้ก็จะอัญเชิญกลับไปบูชาที่บ้าน เพื่อความสุข ความเจริญ เป็นศิริมงคล กับทุกคนในครอบครัว]]กิจกรรมทั่วไป[[หมวดหมู่:ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คณะกรรมการที่จัดงานกินเจในแต่ละปี พยายามหากิจกรรมอื่นๆ มาเสริมให้เทศกาลกินเจ เพื่อเป็นศูนย์รวมของบุคคลในท้องถิ่น เสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ไห้เกิดขึ้นในชุมชน ผู้อื่นที่มาศาลเจ้าจะได้มีความประทับใจ รู้สึกสุขกาย สบายใจ กิจกรรมที่มีการจัดขึ้น เช่น ตระกร้อ บาสเก็ตบอล ฟุตบอลประตูเล็ก 7 คน การเสดงของเยาวชน การจัดกิจกรรมเหล่านี้ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งประชาชนทั้งในท้องถิ่น และต่างอำเภอ เป็นอย่างดีเสมอมา ]]การรับประทานอาหารเจ ให้ผลทางด้านจิตใจ ดังนี้[[หมวดหมู่: 1. จิตใจสงบ เยือกเย็น สุขุม บังเกิดเมตาจิตอย่างเต็มเปี่ยม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่หุนหันพลันแล่น ไม่โกรธง่าย เป็นพื้นฐานเบื้องต้นแก่การบำพ็ญบารมีธรรมยิ่งๆขึ้นไป 2. หยุดเวร ตัดกรรมผูกพัน ไม่มีศัตรูทั้งมนุษย์ และสัตว์ที่คิดมุ่งร้ายพยาบาท อาฆาต ติดตามจองเวร 3. มีสติมั่นคง ทั้งในขณะยังมีชีวิตและยามที่จิตวิญญาณจะละทิ้งสังขารออกจากร่างไป ไม่หวั่นไหวตื่นตระหนก หวาดผวาตกใจกลัวง่ายต่อเหตุการณ์ต่างๆ สามารถรอดพ้นจากเภทภัยทั้งหลายได้แก่ ภัยจากธรรมชาติ , ภัยจากสัตว์ร้าย , ภัยจากเคราะห์กรรม เป็นต้น 4. ตนเอง ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนถึงบริวารจะบังเกิดความสุขความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต มีเหตุให้เกิดอยู่ในอารยประเทศอันอุดมสมบูร ชีวิตไม่ต้องตกอยู่ในท่ามกลางการรบราฆ่าฟัน ไม่ประสบเหตุการณ์ที่โหดร้าย ประหัตประหารล้างผลาญย่ำยีซึ่งกันและกัน 5. บรรดาเหล่าพรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงต่างสรรเสริญยินดี อวยพร ให้การอารักขาคุ้มครองตลอดเวลา ไม่มีช่องทางให้วิญญาณชั้นต่ำทุกประเภทเข้าแอบแฝงแทรกสิงทำอันตรายใดๆได้]]

ใกล้เคียง

ศาลเจ้าเกียนอันเกง ศาลเจ้าเล่งจูเกียง ศาลเจ้ายาซูกูนิ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ศาลเจ้าเฉ้งจุ้ยจ้อซุ้ก๋ง ศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย ศาลเจ้า ศาลเจ้าโจวซือกง ตลาดน้อย ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ