ประวัติ ของ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเกิดจากการทดลองทำเครื่องส่งคลื่นวิทยุกระจายเสียงของนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์จนสำเร็จ สามารถส่งสัญญาณได้ จนกระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชมรมแสงและเสียงสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินงานภายใต้องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(อบจ.) มีสถานะเป็น “สถานีวิทยุทดลอง” ของนิสิต เป็นสถานีวิทยุที่ไม่ได้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498[3] มีสถานที่ทำการอยู่ที่ตึกจักรพงษ์ชั้น 2 หรือหอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปัจจุบัน

ในยุคสงครามเวียดนามสถานีวิทยุจุฬาฯ ทำหน้าที่เป็นพื้นที่แสดงจุดยืนทางการเมืองของสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวคือให้การสนับสนุนสหรัฐอเมริกาในสงคราม ทำให้สามารถขอรับการสนับสนุนอุปกรณ์ในการประกอบกิจการวิทยุจากองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐอเมริกา(United States Operation Mission) ได้สำเร็จ โดยหน่วยงานของสหรัฐฯ ที่ให้เช่าอุปกรณ์คือ United States Information Service (USIS)[1] ปัจจุบันรู้จักกันในนาม United States Information Agency (USIA) อุปกรณ์ที่ได้จากหน่วยงานสหรัฐฯ คือ เครื่องส่ง Medium Wave ระบบ AM (Amplitude Modulation) แบบ BC-610 กำลังส่ง 250 วัตต์ ความถี่ 1080 กิโลไซเคิล มาใช้งาน เป็นแบบเดียวกับกองทัพอากาศไทย[4] ด้วยสัญญาเช่าที่มีกำหนดเวลา 99 ปี และค่าเช่าเครื่องปีละ 1 เหรียญสหรัฐ[1] แต่เมื่อวิทยุจุฬาฯ ได้รับความสนใจ มีผู้ฟังมากขึ้นจนเป็นผลต่อการเคลื่อนไหวและความคิดเห็นของสังคมผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงควบคุมให้จำกัดเวลาออกอากาศ จนกระทั่งปิดสถานีในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2505[1]

อาคารวิทยพัฒนาและเสาส่งสัญญาณวิทยุ

3 ปีให้หลังการยุติการกระจายเสียง สถานีวิทยุจุฬาฯ กลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 และเปลี่ยนสถานะจากการเป็นสถานีวิทยุของนิสิตเป็นของมหาวิทยาลัย มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาและกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ตลอดจนความบันเทิง เริ่มมีโครงสร้างการบริหารงานอย่างเป็นทางการ และได้รับการอนุมัติให้ใช้คลื่นความถี่ด้วยความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ในระบบ FM (Frequency Modulation) Stereo Multiplex ความถี่ 101.5 MHz. กำลังส่ง 1 กิโลวัตต์ (Kilowatt) เสาอากาศสูง 48 เมตร ตั้งอยู่ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปี พ.ศ. 2520 เริ่มได้รับรายได้จากการกระจายเสียงโฆษณาและการให้บริการธุรกิจและมีบทบาทเป็นสถานีวิทยุสถาบันการศึกษาที่ให้ความรู้ มีการจัดหาเครื่องส่งใหม่ที่มีกำลังส่ง 5 กิโลวัตต์ (Kilowatts) และปรับปรุงเสาให้สูง 120 เมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายเสียง ย้ายสถานที่ตั้งมาที่อาคาร วิทยพัฒนา ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีในปัจจุบัน

ปี พ.ศ. 2535 ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ วิทยุจุฬาฯ เป็นสื่อนำเสนอข่าวการเมืองอย่างสม่ำเสมอจนได้รับรางวัลสื่อดีเด่นประเภทรายการวิทยุ จากมูลนิธิสื่อสร้างสรรค์ ในยุคนี้วิทยุจุฬาฯ มีความร่วมมือกับสถานีวิทยุต่างประเทศคือ Voice of America (VOA) และปรับปรุงเสาส่งกระจายเสียงให้มีความสูงเพิ่มขึ้นจาก 120 เมตร เป็น 150 เมตร

ปี พ.ศ. 2547 วิทยุจุฬาฯ ได้เพิ่มช่องทางการรับฟังผ่านทางเว็บไซต์ www.curadio.chula.ac.th สถานีวิทยุจุฬาฯ ยังได้ร่วมมือกับ “สถานีวิทยุ CRI ปักกิ่ง ประเทศจีน” ผลิตรายการ “สานสัมพันธ์ไทยจีน” ทำให้สถานีวิทยุจุฬาฯ เป็นสถานีวิทยุการศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่มีการผลิตและออกอากาศรายการวิทยุร่วมกับสถานีวิทยุแห่งชาติของประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีน

ปี พ.ศ. 2552 วิทยุจุฬาฯ พัฒนาจนผ่านการตรวจรับรองการประยุกต์ใช้มาตรฐาน ISO 9001: 2008 อีกมาตรฐานหนึ่ง ภายหลังจากได้รับมาตราฐานจาก Bureau Veritas หรือ BVQI ประเทศฝรั่งเศสมาแล้วเมื่อ พ.ศ. 2543 และพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ใกล้เคียง

สถานี สถานีกลางบางซื่อ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สถานีกรุงเทพ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) สถานีบางหว้า สถานีอวกาศนานาชาติ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ สถานีวงเวียนใหญ่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี)

แหล่งที่มา

WikiPedia: สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://119.46.201.173/rtafbc/?page_id=65 http://www.facebook.com/curadio http://www.instagram.com/curadio/ http://www.twitter.com/curadio http://www.youtube.com/user/curadiochannel/ http://www.curadio.chula.ac.th http://www.curadio.chula.ac.th/Contact-Us.php http://www.curadio.chula.ac.th/History.php http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2498/A/...