เมนูนำทาง
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ประวัติเมื่อ 23 เมษายน พ.ศ. 2514 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ตั้งขึ้น จากการรวม วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ และ วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี ในสังกัด กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เข้าด้วยกัน ตาม พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พ.ศ. ๒๕๑๔ [1] โดยเป็นสถาบันการศึกษาและวิจัย มีวัตถุประสงค์ที่จะผลิตครูอาชีวศึกษาระดับปริญญา ให้การศึกษาทั้งระดับปริญญา และระดับต่ำกว่าปริญญา และทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้สถาบันเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นกรมในกระทรวงศึกษาธิการ
เมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2515 กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศให้รวม วิทยาลัยวิชาการก่อสร้างบางพลัด เข้ากับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า [2] (ซึ่งถูกรวมเข้ากับ ศูนย์ลาดกระบัง และทำให้ ศูนย์ธนบุรี ได้ยุติการรับนักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2515 และจัดตั้งเป็น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศูนย์ลาดกระบัง ในปีการศึกษา 2516 ปัจจุบันคณะดังกล่าวอยู่ในสังกัด สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง [3])
เมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2517 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ถูกโอนย้ายไปสังกัด ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ ตาม พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๗ [4] ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ทบวงมหาวิทยาลัย
เมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2522 จากการขยายตัวของสถาบันอย่างรวดเร็ว จึงมีการปรับโครงสร้างตามมาหลายครั้ง กระทั่งมีมีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ [5]
พ.ศ.2515
(๑) สำนักงานอธิการบดี
(๒) คณะ
สำนักงานอธิการบดี อาจแบ่งส่วนราชการออกเป็นกองและแผนก คณะ แบ่งส่วนราชการออกเป็นภาควิชาและสำนักงานเลขานุการสำนักงานเลขนุการคณะ อาจแบ่งส่วนราชการออกเป็นแผนก
มีสภาสถาบันเป็นผู้ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของสถาบันสภาสถาบัน ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นนายกสภาสถาบัน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองนายกสภาสถาบัน อธิบดีกรมอาชีวศึกษา อธิการบดี รองอธิการบดี และคณะบดี เป็นกรรมการสภาสถาบัน โดยตำแหน่งและกรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งมีจำนวนไม่น้อยกว่าสี่คน แต่ไม่เกินเก้าคนหัวหน้าสำนักงานอธิการบดี เป็นกรรมการและเลขานุการสภาสถาบัน
มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในการบริหารงานของสถาบันอธิการบดี นั้นจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งแต่โดยคำแนะนำของสภาสถาบัน และให้ดำรงตำแหน่งสามปี แต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่อีกก็ได้ และจะให้มีรองอธิการบดีคนหนึ่งหรือหลายคนทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยก็ได้ในคณะหนึ่ง ให้มีคณบดีเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบคณบดี นั้นสภาสถาบันจะได้แต่งตั้งจากคณาจารย์หรือผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการสภาสถาบันมาแล้ว และให้ดำรงตำแหน่งสี่ปี แต่อาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ และจะมีรองคณบดีคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยก็ได้ถ้ามีการแบ่งส่วนราชการเป็นภาควิชา ให้มีหัวหน้าภาควิชาเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในงานของภาควิชา ให้มีกรรมการประจำคณะประกอบ ด้วยคณบดีเป็นประธานกรรมการ รองคณบดี และหัวหน้าภาควิชาในคณะนั้นเป็นกรรมการ หรือเป็นกรรมการเพิ่มเติมให้ได้จำนวน ๔ คนให้คณะกรรมการตั้งผู้หนึ่งผู้ใดเป็นเลขานุการกรรมการประจำคณะ ซึ่งสภาสถาบันแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสองปี แต่อาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้
การจัดการศึกษาของสถาบันแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ
๑. ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ซึ่งเป็นระดับเดียวกบประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายสายอาชีพ หรือเรียกเป็นสามัญว่าระดับช่างฝีมือระดับนี้รับผู้สำเร็จจากมัธยมศึกษาตอนต้นสายสามัญ หรือที่เรียกโดยย่อว่า มศ. ๓ เข้าศึกษาหลักสูตร ๓ ปี
๒. ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือที่เรียกเป็นสามัญว่าช่างเทคนิค ระดับนี้รับนักศึกษาสองประเภท คือประเภทที่หนึ่ง รับผู้สำเร็จจากมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ ซึ่งเรียกโดยย่อว่า มศ. ๕ เข้าศึกษาหลักสูตร ๓ ปีประเภทที่สอง รับผู้สำเร็จจากระดับที่หนึ่งคือวิชาชีพ และจากมัธยมศึกษาตอนปลายสายอาชีพ ซึ่งเรียกโดยย่อว่า มศ. ๖ เข้าศึกษาหลักสูตร ๒ ปี
๓. ระดับปริญญา รับผู้สำเร็จการศึกษาจากระดับที่สอง คือระดับวิชาชีพชั้นสูง เข้าศึกษาหลักสูตร ๒ ปี
การศึกษาทั้งสามระดับมีหลักสูตรจบในตัวแต่ละระดับ เพื่อผู้สำเร็จจะได้ออกไปประกอบอาชีพได้ หากผู้ใดประสงค์จะศึกษาต่อในระดับสูงขึ้นไปก็ย่อมทำได้โดยสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบัน ทั้งนี้เพราะต้องการผู้มีสติปัญญาและผลการเรียนดีพอ เนื่องจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าได้รวมวิทยาลัย ๓ แห่งเข้ามาเป็นสถาบันสถานศึกษาทั้ง ๓ แห่ง มีที่ตั้งแยกออกไปเป็นแต่ละแห่งห่างไกลกัน
การจัดการศึกษาก็เป็นไปตามความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของสัญญาและข้อตกลงในการให้ความช่วยเหลือของต่างประเทศ คือ
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ศูนย์ธนบุรี ได้รับความช่วยเหลือจาก โครงงานพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) แห่ง UNESCO
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ศูนย์พระนครเหนือ ได้รับความช่วยเหลือจาก รัฐบาลเยอรมัน
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ศูนย์นนทบุรี ได้รับความช่วยเหลือจาก รัฐบาลญี่ปุ่น
ฉะนั้น แม้จะได้รวมสถานศึกษาทั้ง ๓ แห่งเข้าเป็นสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าตามกฎหมายแล้วก็ตาม แต่การดำเนินงานก็ต้องแยกกันทำ สถานที่ตั้งก็ยังแยกกันอยู่ตามเดิม เพราะทั้ง ๓ แห่งได้วางรากฐานไว้มั่นคงแล้ว จึงไม่อาจรวมงานให้เป็นที่เดียวกันได้
๑. สำนักงานอธิการบดี จัดแบ่งสายงานการดำเนินงานดังนี้
การประชาสัมพันธ์ การประสานงานทั่วไป ตลอดจนการเงินสถาบันการจัดแบ่งคณะและภาควิชาจัดแบ่งดังนี้
๒. คณะวิศวกรรมศาสตร์ธนบุรี เปิดสอนภาควิชา
ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ ใช้อักษรย่อ วศ.บ. (B.Eng.)
๓. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ธนบุรี เปิดสอนภาควิชาเช่นเดียวกับคณะวิศวกรรมศาสตร์
แต่ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาในคณะนี้จะได้รับปริญญาครุศาสตร์และอุตสาหกรรม ใช้อักษรย่อว่า ค.อ.บ. (B.S.I.Ed.)
๔. คณะวิศวกรรมศาสตร์พระนครเหนือ เปิดสอนภาควิชา
๓.๑ ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต ใช้อักษรย่อ ว.ศ.บ. (B.Eng.)
๓.๒ ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี ของภาควิชาเทคนิคอุตสาหกรรม จะได้รับปริญญาอุตสาหกรรมศาสตร์บัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า อส.บ. (B.Ind. Technology)
๕. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์พระนครเหนือ เปิดสอนภาควิชา
ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า ค.อ.บ. (B.S.I.Ed.)
๖. คณะวิศวกรรมศาสตร์นนบุรี เปิดสอนภาควิชา
ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า ว.ศ.บ. (B.Eng.) สาขาวิชาไฟฟ้าโทรคมนาคม
๗. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เปิดสอนภาควิชา
ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า สถ.บ. (B.Arch.)
ภาควิชาครุศาสตร์นนทบุรี เปิดสอนสาขาวิชา
ผู้ศึกษาครบหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า ค.อ.บ. (B.S.I.Ed.)
จุดเริ่มต้นการแยกเป็นสามสถาบันเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ในการสรรหาอธิการบดีใหม่ เนื่องจากทั้งสามวิทยาเขตมีความแตกต่างกันหลายประการ ทั้งความเป็นมา ปรัชญา และวิธีการจัดการศึกษา[6] และมีปัญหาในการสรรหาสรรหาอธิการบดีคนใหม่[6] เมื่อตำแหน่งอธิการบดีว่างลงใน พ.ศ. 2526 จึงให้รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตผลัดกันเป็นผู้รักษาการแทนอธิการบดี คนละ 3 เดือนไปพลางก่อน ระหว่างที่ข้อเสนอเพื่อแยกวิทยาเขตออกจากกันเป็นอิสระโดยออกเป็นกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณา[7] กระบวนการนี้ยืดเยื้อยาวนาน เพราะมีการเสนอโครงสร้างหลายรูปแบบ แม้กฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วแต่วุฒิสภากลับไม่รับหลักการ[8] ในที่สุดพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2529[9] เป็นจุดสิ้นสุดของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าที่มีอายุเกือบ 15 ปี และทำให้เกิดสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย ที่เป็นอิสระต่อกันสามแห่งได้แก่
เมนูนำทาง
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ประวัติใกล้เคียง
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันการบินพลเรือน สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ สถาบันวิทยาลัยชุมชน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน สถาบันพระบรมราชชนกแหล่งที่มา
WikiPedia: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า http://archive.lib.kmutt.ac.th http://archive.lib.kmutt.ac.th/index.php?option=co... http://archive.lib.kmutt.ac.th/index.php?option=co... http://archive.lib.kmutt.ac.th/index.php?option=co... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2514/A/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2515/D/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2517/A/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2522/A/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2529/A/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2541/A/...