บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
สถาปัตยกรรมฟื้นฟูโรมาเนสก์ (
อังกฤษ: Romanesque Revival architecture หรือ Neo-Romanesque) เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่รุ่งเรืองในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่มีอิทธพลมาจากลักษณะสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์[1]ของคริสต์ศตวรรษที่ 11 และ 12ลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมฟื้นฟูโรมาเนสก์ก็จะมีซุ้มโค้งครึ่งวงกลม, โค้งครึ่งวงกลมเหนือหน้าต่าง และ แนวหิน, อิฐ หรือ ชิงเกิลที่เรียงเป็นแนวบนผนัง แต่สิ่งที่ต่างจากต้นฉบับคือส่วนที่เป็นโค้งจะเป็นโค้งที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนเช่นที่ใช้ในสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ดั้งเดิม ลักษณะสถาปัตยกรรมนี้เป็นที่นิยมกันในการก่อสร้างตึกเรียนของมหาวิทยาลัยในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะใน
สหรัฐอเมริกา เช่นที่
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส และที่
มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย นอกจากนั้นก็ยังเป็นที่นิยมกันในการก่อสร้างคริสต์ศาสนสถาน และ ศาสนสถานของศาสนายูดายอีกด้วยผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในบรรดาสถาปนิกชาวอเมริกันในรูปแบบที่เรียกว่า “โรมาเนสก์อิสระ” คือ
เฮนรี ฮ็อบสัน ริชาร์ดสัน สถาปัตยกรรมที่วิวัฒนาการมาจากตัวอย่างที่วางไว้โดยริชาร์ดสันจึงเรียกกันว่า “
สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ริชาร์ดสัน”.(Richardsonian Romanesque)สถาปัตยกรรมฟื้นฟูโรมาเนสก์ในระยะแรกตระกูลหนึ่งที่เรียกว่า “
สถาปัตยกรรมรุนด์โบเก็นชตีล”.(Richardsonian Romanesque) หรือ “สถาปัตยกรรมโค้งกลม” นิยมกันในดินแดนเยอรมนี และ ในดินแดนที่ชาวเยอรมันไปตั้งถิ่นฐานในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1830ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 การเลือกลักษณะสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างคริสต์ศาสนสถานอังกลิคันก็ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องกับสังฆมณฑล ถ้าเป็นคริสต์ศาสนสถานของไฮห์อังกลิคันก็มักจะมีอิทธิพลจาก
ขบวนการอ๊อกซฟอร์ดที่จะนิยมสร้างแบบ
สถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิค แต่ถ้าเป็นคริสต์ศาสนสถานของโลว์อังกลิคันและบรอดเชิร์ชก็มักจะเป็นแบบฟื้นฟูโรมาเนสก์