เหตุการณ์สำคัญ ของ สมัยสจวต

สงครามกลางเมือง

สงครามกลางเมืองอังกฤษเริ่มขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 กษัตริย์องค์ที่สองของราชวงศ์สจวต ที่มาสิ้นสุดลงเมื่อพระองค์ทรงถูกปลงพระชนม์โดยฝ่ายรัฐสภาผู้ได้รับชัยชนะในปี ค.ศ. 1649

หลังจากนั้นอังกฤษก็เข้าสู่สมัยไร้กษัตริย์ ระหว่างปี ค.ศ. 1649 จนถึงปี ค.ศ. 1660 ในช่วงนั้นอังกฤษก็ตกอยู่ภายใต้การนำของเจ้าผู้พิทักษ์โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ระหว่างปี ค.ศ. 1653 - ค.ศ. 1659 หลังจากการเสียชีวิตของครอมเวลล์แล้วเครือจักรภพแห่งอังกฤษก็เริ่มสลายตัวลง จนกระทั่งรัฐบาลต้องหันไปอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 พระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ผู้ไปลี้ภัยอยู่บนแผ่นดินใหญ่ยุโรปกลับมาครองราชย์ในเหตุการณ์ที่เรียกว่าการฟื้นฟูราชวงศ์อังกฤษ

สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์

การต่อสู้เมื่อวันที่ 4 ค.ศ. 1666 ระหว่างราชนาวีอังกฤษและเนเธอร์แลนด์

สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์เป็นสงครามต่อเนื่องที่เกิดขึ้นสามครั้งที่เป็นการต่อสู้ระหว่างอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ระหว่าง ค.ศ. 1652 จนถึง ค.ศ. 1674 ความพ่ายแพ้ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ต่อเนเธอร์แลนด์ทำให้เนเธอร์แลนด์กลายมามีอำนาจอันแข็งแกร่งในการควบคุมเส้นทางการค้าทางเรือมาจนกระทั่งปี ค.ศ. 1713[1]

การคบคิดโพพพิช

การคบคิดโพพพิช (ค.ศ. 1678) เป็นข่าวลือเกี่ยวกับการคบคิดของหมู่ผู้นับถือโรมันคาทอลิกที่จะปลงพระชนม์พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ที่เป็นผลที่ทำให้ประชาชนเกิดมีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อโรมันคาทอลิกอย่างรุนแรงไปทั่วราชอาณาจักรอังกฤษ ที่เป็นผลทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารไปราว 35 คน[2]

การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ของปี ค.ศ. 1688

การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ซึ่งเป็นการปฏิวัติอันไม่มีการเสียเลือดเนื้อ ที่เป็นผลให้เจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และพระชายาเจ้าหญิงแมรีได้ขึ้นครองราชบัลลังก์อังกฤษร่วมกัน แต่ก็มีฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ในสกอตแลนด์ที่เป็นผลให้เกิดการสังหารหมู่ที่เกลนโค (Massacre of Glencoe)[3]