เศรษฐกิจ ของ สาธารณรัฐจีน_(ค.ศ._1912–1949)

ธนบัตร ดร.ซุน ยัตเซ็น เงินตราที่ใช้ในสาธารณรัฐจีน ปี ค.ศ. 1930 การจราจรทางน้ำในเซี่ยงไฮ้, ค.ศ. 1920

ในช่วงปีแรก ๆ ของสาธารณรัฐจีนเศรษฐกิจยังคงไม่มั่นคงเนื่องจากประเทศถูกทำให้โดดเด่นด้วยสงครามอย่างต่อเนื่องระหว่างกลุ่มขุนศึกในภูมิภาคต่าง ๆ รัฐบาลเป่ยหยางในปักกิ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำอย่างต่อเนื่องและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองทำให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ซบเซาจนกระทั่งเกิดการรวมชาติของจีนได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1928 โดยพรรคก๊กมินตั๋ง

หลังจากที่พรรคก๊กมินตั๋งได้รวมประเทศจีนสำเร็จอีกครั้งในปี ค.ศ. 1928 จีนเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความมั่นคงแม้ว่าจะมีความขัดแย้งทางทหารอย่างต่อเนื่องและเผชิญกับการรุกรานของญี่ปุ่นใน มณฑลซานตงและในที่สุดแมนจูเรีย ในปี ค.ศ. 1931

ช่วงทศวรรษที่ 1930 ในประเทศจีนเป็นที่รู้จักกันในนาม "ทศวรรษนานกิง" ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปเนื่องจากความมั่นคงทางการเมืองที่สัมพันธ์กันเมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมของจีนเติบโตอย่างมากจากปี ค.ศ. 1928 ถึงปี ค.ศ. 1931 ในขณะที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการยึดครองแมนจูเรียของญี่ปุ่นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1931 และในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 1931 ถึง 1935 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาสู่จุดสูงสุดก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 1936 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของจีดีพีของจีน ในปี ค.ศ. 1932 จีดีพีของจีนพุ่งสูงสุดที่ 28.8 พันล้านก่อนร่วงลงมาที่ 21.3 พันล้านในปี ค.ศ. 1934 และฟื้นตัวเป็น 23.7 พันล้านในปี ค.ศ. 1935[15] ในปี ค.ศ. 1930 การลงทุนจากต่างประเทศในประเทศจีนมีจำนวนทั้งสิ้น 3.5 พันล้าน โดยมีการพยายามแทรกแซงของญี่ปุ่นที่จะเข้ามาเป็นผู้นำ (1.4 พันล้าน) และสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 1 พันล้าน อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1948 หุ้นทุนได้หยุดลงด้วยการลงทุนลดลงเหลือเพียง 3 พันล้านดอลลาร์โดยผู้นำของสหรัฐฯและอังกฤษ[16]

อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจในชนบทได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ซึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตทางการเกษตรที่มากเกินไปทำให้ราคาตกต่ำอย่างมากสำหรับจีนรวมถึงการนำเข้าจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น(เป็นสินค้าเกษตรที่ผลิตในประเทศตะวันตกถูก "เข้ามาขายระบายสินค้า" ในประเทศจีน) ในปี ค.ศ. 1931 การนำเข้าข้าวในประเทศจีนมีจำนวน 21 ล้านบุชเชล (Bushel) เมื่อเทียบกับ 12 ล้านในปี ค.ศ. 1928 สินค้าอื่น ๆ ก็เห็นการเพิ่มขึ้นของการส่ายมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1932 มีการนำเข้าธัญพืช 15 ล้านบุชเชลเมื่อเทียบกับ 900,000 ในปี ค.ศ. 1928 การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นนี้นำไปสู่การลดลงอย่างมากในราคาสินค้าเกษตรของจีน (ซึ่งมีราคาถูกกว่า) และทำรายได้ให้เกษตรกรในชนบท ในปี ค.ศ. 1932 ราคาสินค้าเกษตรอยู่ที่ระดับร้อยละ 41 จากปี ค.ศ. 1921[17]

ใกล้เคียง

สาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912–1949) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สาธารณสมบัติ สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 สาธารณรัฐเท็กซัส สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี สาธารณรัฐเขมร สาธารณรัฐประชาชนยูเครน

แหล่งที่มา

WikiPedia: สาธารณรัฐจีน_(ค.ศ._1912–1949) http://www.genchugakkai.com/archive/meeting/taikai... http://guoxue.hxlsw.com/book/mgzzs/2007/0601/17804... http://www.populstat.info/Asia/chinac.htm http://www.gio.gov.tw/taiwan-website/5-gp/yearbook... http://news.bbc.co.uk/hi/english/static/in_depth/a... https://books.google.com/?id=RNknjDjfH6AC&pg=PA54 https://books.google.com/?id=WVEOAAAAQAAJ&pg=PA22 https://books.google.com/books?id=z-fAxn_9f8wC&pg=... https://history.state.gov/milestones/1899-1913/chi...