สถานะสุขอนามัย ของ สาธารณสุขในประเทศลาว

มาลาเรีย

ในช่วงการทำลายแหล่งเชื้อมาลาเรียเป็นครั้งแรกระหว่างปีคริสต์ศักราช 1956–60, โดยใช้สารไดคลอโรไดฟีนิลไตรคลอโรอีเทนกำจัดเชื้อมาลาเรีย ตั้งแต่ ค.ศ. 1975 รัฐบาลได้เริ่มการกำจัดเชื้อมาลาเรียมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขประเทศลาวได้สั่งให้สถานีสุขภาพทุกจังหวัดให้วินิจฉัยและเพิ่มมาตราการควบคุมโรคมาลาเรียอย่างรอบคอบมากขึ้น โดยมาตราการคือการเฝ้าระวังผู้ที่อาจจะมีความเสี่ยงสูง, การกำจัดแหล่งยุงที่มีพาหะเชื้อโรค และการส่งเสริมให้ดูแลตัวเองและผู้อื่น โครงการนี้ถือว่าสำเร็จไปด้วยดี โดยทางกระทรวงได้รายงานว่าผู้ป่วยจากเชื้อโรคนี้จากร้อยละ 26 เหลือเพียงร้อยละ 15 ระหว่างคริสต์ศักราช 1975 และ 1990[1]

อุจจาระร่วง

ในปี ค.ศ. 1993 โรคอุจจาระร่วงถือว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นเป็นประจำปี โดยจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนของภูมิประเทศ ตราบใดที่น้ำดื่มนั้นได้ปนเปื้อนของเสียจากมนุษย๋และสัตว์ที่ไหลลงมาจกภูเขา มีเพียงเรือนไม่กี่หลังเท่านั้นจะขับถ่ายไว้ในหลุม หรือโถส้วม และประชาชนส่วนมากจะขับถ่าบตรงแม่น้ำ หรือพื้นที่ป่าไม้ละแวกหมู่บ้าน สำหรับเด็กภายในหมู่บ้าน ผู้ซึ่งเป็นโรคอุจจาระร่วง มักมาพร้อมกับโรคขาดสารอาหารรุนแรก เนื่องจกมีการขับสารอาหารที่จำเป็นมาก และน้ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของร่างกาย ทำให้อาจเกิดภาวะที่เป็นอันตรายต่อเด็ก[1]

เฮชไอวี/เอดส์

เนื่องจากการควบคุมเรื่องเพศเปิดให้เป็นอิสระ ทำให้ชาวลาวจำนวนมากร่วมเพศกับหญิงบริการมากขึ้น โดยเริ่มขึ้นเมื่อคริตสศักราช 1980 และ 1990 ส่งผลให้เชื้อโรคเฮชไอวี และกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม หรือ เอดส์สูงขึ้นตาม และเติบโตมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1992 ได้มีการตรวจสอบเชื้อโรคของประชากรตามเคหะสถานจำนวน 7,600 คน พบว่ามี 1 คนติดเชื้อกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม และ 14 คนผลตรวจออมาว่าเชื้อเฮชไอวีเป็นบวก ในกลางปี ค.ศ. 1994 ไม่พบข้อมูลการรายงานผลในเชื้อกลุ่มนี้[2]

ใกล้เคียง

สาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912–1949) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สาธารณสมบัติ สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 สาธารณรัฐเท็กซัส สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี สาธารณรัฐเขมร สาธารณรัฐประชาชนยูเครน